| ที่มา | นิวรูมส์วิเคราะห์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา |
ใครจะเชื่อว่าคู่แข่งทางการค้า และมีอดีตอันแสนขมขื่นร่วมกัน อย่างจีนและญี่ปุ่น จะจับมือกันได้
เป็นที่ทราบกันดีว่า ทั้งสองประเทศเคยทำสงครามกันอย่างรุนแรง เป็นความทรงจำที่น่าหดหู่
โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นส่งตัวแทนไปคารวะสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ ในกรุงโตเกียว
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในสงคราม
รวมถึงอาชญากรสงครามหลายคนที่จีนต่อต้าน
เนื่องจากในอดีตทั้งสองประเทศตกเป็นเหยื่อการกดขี่ข่มเหงของกองทัพญี่ปุ่น
เรามักจะเห็นข่าวทางการจีนออกมาประท้วงด้วยท่าทีแข็งกร้าวทุกครั้ง เมื่อผู้แทนรัฐบาลญี่ปุ่นเดินทางไปเยือนศาลดังกล่าว
แต่ปีนี้เรื่องนี้กลับเงียบ
เหตุเพราะปีนี้ จีนอยู่ระหว่างถูกสหรัฐโจมตีสงครามทางการค้าอย่างหนักหน่วง
เพื่อสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
จึงต้องหาทางรับมือกับสหรัฐทุกวิถีทาง
การหันมาจับมือกับญี่ปุ่น ถือเป็นอีกยุทธวิธีในการรับมือกับสหรัฐ
เพื่อเป็นการหาช่วยเหลือบรรดานักลงทุน ทั้งจีนและญี่ปุ่นเอง
ก็กำลังถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ดังนั้น เมื่อในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ
เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ระหว่างวันที่ 25 – 27 ตุลาคม 2561
เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ประเทศ
หนึ่งในหัวข้อการสนทนาที่สำคัญของผู้นำของทั้ง 2 คือ ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นในประเทศที่สาม
และเป้าหมายที่สำคัญอันดับแรกคือ ประเทศไทย
หนึ่งในความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศที่สำคัญ
คือการลงนามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินในการสนับสนุนนักลงทุนจีนและญี่ปุ่น
ร่วมกันสำรวจตลาดในประเทศที่สาม ระหว่างธนาคาร ICBC และ ธนาคาร Mizuho
ระบุอย่างชัดเจนว่าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี เป็นเป้าหมายสำคัญ
จึงกลายเป็นสถานการณ์ “ส้มหล่น” ของประเทศไทย
งานนี้คงต้องขอบคุณความดุเดือดของประธานาธิบดีทรัมป์
ที่ทำให้ดูเหมือนว่าศัตรูของศัตรู กลับกลายเป็นมิตร
แต่สำหรับไทย ต้องคิดว่าจะทำยังไง ถึงจะฉกฉวยโอกาสนี้
เพื่อทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุดได้อย่างไร
และต้องให้เกิดประโยชน์กับประชาชนทุกกลุ่ม
ไม่ใช่เกิดประโยชน์เฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่ไม่กี่ราย
เหมือนกับที่หลายคนแสดงความกังวลว่าโครงการอีอีซี
ดูเหมือนกำลังจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในประเทศมากกว่านี้
