เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายสุเทพ คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ข้าวเปลือกหอมมะลิในประเทศไทย มีราคาแพงเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยสูงที่สุดอยู่ที่จังหวัดนครพนม ด้วยเพราะว่าเป็นข้าวคุณภาพสูง เกี่ยวสดราคาอยู่ที่ 16,000 บาท / ตัน และหากตากให้แห้งอยู่ที่ 19,500 บาท/ตัน ส่วนในพื้นที่อีสานใต้ และอีสานตอนกลาง ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ จะลดลงมาเล็กน้อยเท่านั้น อยู่ทีประมาณ 15,000 บาท/ตัน สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ที่ปลูกในพื้นที่นอกเขตภาคอีสาน แต่เป็นสายพันธุ์หอมมะลิ 105 มีราคาดีตามขึ้นไปด้วย เช่นในเขตจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และนครสวรรค์ มีราคาอยู่ที่ 14,500 บาท/ตันแล้ว
โดยเมื่อข้าวเปลือกหอมมะลิ มีราคาดีมากในปีนี้ หลายคนสงสัยว่าจะส่งเสริมให้ชาวนาในภาคอื่นๆ ปลูกข้าวหอมมะลิบ้างได้หรือไม่ ตนขอตอบว่า ช่วงนี้ทำไม่ได้ เพราะว่าข้าวหอมมะลิเป็นข้าวนาปี พื้นที่นาปรังชุ่มน้ำแบบในภาคกลางยังปลูกไม่ได้ พื้นที่เหมาะสมเหมาะที่สุดในการเพาะปลูกยังอยู่ในภาคอีสาน ส่วนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน เช่นเขตจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และนครสวรรค์ ที่เริ่มเพาะปลูกข้าวหอมมะลิ 105 กันบ้างแล้ว ทำได้เฉพาะพื้นที่นาดอนเท่านั้น แต่ตนเองเชื่อว่า หากมีการพัฒนาสายพันธุ์ ให้ข้าวยังคงความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ แต่พัฒนาเรื่องการทนต่อสภาพดินตรงพื้นอื่น ในอนาคตก็เป็นไปได้ว่า อาจส่งเสริมปลูกในพื้นที่อื่นได้เช่นกัน
สำหรับปีนี้ข้าวหอมมะลิในภาคอีสาน ให้ผลผลิตที่ 500-600 กิโลกรัม/ ไร่ ส่วนข้าวหอมมะลินอกเขตภาคอีสานให้ผลผลิต 500-600 กิโลกรัม/ไร่ เหมือนกัน
