วันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ได้มีฝนตกลงมาในเขตหลายพื้นที่ของ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่าได้ส่งผลกระทบต่อไร่นาของชาวนาที่ต้นข้าวกำลังสุกเต็มท้องนาเป็นอย่างมาก โดยที่บ้านหนองคูน้อย ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ชาวนากำลังเร่งเก็บเกี่ยวข้าวที่อยู่ในนา โดยใช้ทั้งเคียวเกี่ยวข้าวและใช้รถเกี่ยวข้าวที่ในนามีน้ำเจิ่งนองและต้นข้าวล้มระเนระนาดเพราะโดนฝนตกถล่มใส่นาอย่างหนัก ขณะที่ชาวนาส่วนหนึ่งกำลังนำเอาข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วมาตากบนถนนที่มีรถราทุกชนิดวิ่งผ่านไปมา โดยจะตากข้าวเปลือกบนถนนครึ่งถนนเป็นระยะทางยาวหลายสิบเมตรและมีการนำเอาเศษวัสดุมาทำเป็นสัญญาณเตือนไว้ว่ามีการตากข้าวบนถนนซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก แต่ว่า ชาวนาก็ต้องทำเนื่องจากว่า หากปล่อยข้าวเปลือกที่โดนน้ำฝนเอาไว้นานหลายวันจะทำให้เมล็ดข้าวเสียหาย และจะทำไม่มีข้าวเปลือกไปขายนำเอาเงินมาเลี้ยงตนและครอบครัว
นางปภัทนันท์ ผลบุญ อายุ 50 ปี ชาวนาบ้านหนองคูน้อย ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากว่าน้ำฝนทำให้ต้นข้าวล้มลงทำให้เก็บเกี่ยวข้าวได้ยากและเมล็ดข้าวดำและหักได้ง่าย อีกทั้งข้าวเปลือกเมื่อโดนน้ำฝนจะทำให้เมล็ดข้าวมีความชื้นสูงเมื่อนำเอาไปขายพ่อค้าจะได้ราคาต่ำมากกว่าข้าวเปลือกที่มีความชื้นต่ำ โดยก่อนหน้านี้ราคาข้าวสดจะมีราคารับซื้ออยู่ที่ กก.ละ 14 บาทเศษ แต่ว่าขณะนี้ราคารับซื้อข้าวสดจะตกต่ำลงมาเหลือกเพียง กก.ละ 13.50 บาทเท่านั้น ซึ่งพวกตนชาวนาจะแก้ปัญหาโดยการนำเอาข้าวเปลือกที่เปียกฝนไปตากให้แห้ง เพื่อให้ข้าวเปลือกมีความชื้นน้อยที่สุดก่อนที่จะนำเอาข้าวเปลือกที่จตากแห้งแล้วไปขาย ซึ่งจะทำให้มีราคาข้าวเปลือกดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาข้าวเปลือกจะสูงขึ้นกว่าเดิมกว่าปีที่แล้วราคา กก.ละ 9 บาท แต่ว่าก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนทำนา เพราะว่าตนทำนาขาดทุนทุกปี แต่ว่าไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะมีความรู้เพียงการทำนาเลี้ยงตนเองและครอบครัวเท่านั้น
