เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน สถานการณ์ราคายางพาราที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งเจ้าของสวนยาง ลูกจ้างกรีดยาง รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะราคาตกต่ำต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ล่าสุดราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 33-35 บาท หรือ 3 กิโลกรัม 100 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่เกษตรกรชาวสวนยางไม่สามารถอยู่ได้ แม้ชาวสวนยางส่วนใหญ่ยังจำเป็นที่จะต้องกรีดยางพารา แต่ส่วนหนึ่งก็ตัดสินใจประกาศขายที่ดิน สวนยางพารา เพราะมองเป็นพืชที่ไร้อนาคต และต้องเงินทุนมาสร้างอาชีพอื่นๆ โดยพบว่าป้ายประกาศขายที่ดินสวนยางพารานั้นถูกพบเห็นมากขึ้นในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ในรายที่ยังคงต้องประกอบอาชีพกรีดยางพารา ก็ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องการตลาด เพื่อทำให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งจะดีกว่าการนำเงินงบประมาณนับหมื่นล้านบาท มาช่วยเหลือด้วยการแจกจ่ายให้กับเกษตรกร ซึ่งมองว่าไม่ทั่วถึงและช่วยได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากจะราคาตกต่ำแล้ว ในระยะนี้ก็พบว่ามีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งตามปกติจะเป็นช่วงที่ชาวสวนยางต้องหยุดกรีดยาง แต่ในช่วงนี้หากวันไหนฝนไม่ตกก็จะทำการกรีดยาง เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว แม้ต้นยางจะให้น้ำยางลดน้อยลง เนื่องจากอากาศเย็นก็ตาม
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ อดีตนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดสงขลา ซึ่งเคลื่อนไหวในเรื่องการเรียกร้องราคายางพารามาอย่างต่อเนื่อง ได้โพสต์คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้เชื่อว่า ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โดยมีเนื้อหาการเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวสวนยาง ด้วยแนวทางในระยะยาว โดยเฉพาะในเรื่องของราคา เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางอย่างทั่วถึง ส่วนแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะช่วยด้วยการจ่ายเงินเยียวยาแก่ชาวสวนยาง พร้อมกำหนดราคาขั้นต่ำในการรับซื้อยางของภาคเอกชน ในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งบรรเทาความเดือดร้อนได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น
