เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นพ.โมลี วนิชสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร แถลงข่าวผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเหตุดราม่าระหว่างญาติผู้เสียชีวิต กับการบริหารจัดการศพของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการศพ รพ.สมุทรสาคร
นพ.โมลีกล่าวว่า ปัจจุบันการจัดการศพเป็นหน้าที่ของบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ก็ได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการศพว่า น่าจะเกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลก็เข้าใจถึงหัวอกของคนที่กำลังสูญเสีย หากต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว ก็ยิ่งทำให้เสียความรู้สึกได้มากยิ่งขึ้น ทาง รพ.ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย
นพ.โมลีกล่าวอีกว่า นอกจากจะเรียกผู้รับผิดชอบในการจัดการศพมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยังมีการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบดูแลด้านนี้ ซึ่งก็มีมติเห็นสมควรที่จะยกเลิกสัมปทาน หรือยกเลิกการให้บริษัทเอกชนเข้ามาเป็นฝ่ายจัดการศพ โดยทาง รพ.จะเป็นผู้ดำเนินการเอง เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเข้ามาหาผลประโยชน์จากญาติของผู้เสียชีวิตได้ และยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ เกิดขึ้น
นายอุทิศ มุขเงิน อายุ 41 ปี ผู้ดูแลด้านฝ่ายจัดการศพ บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ระหว่างเจ้าหน้าที่กับญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งในคืนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงให้ญาติได้รับทราบทุกอย่างแล้ว ทั้งเรื่องระเบียบเกี่ยวกับเงินมัดจำ และรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตลอดจนขั้นตอนการนำศพออก ซึ่งเมื่อญาติไม่ประสงค์ที่จะใช้บริการการจัดหาโลงศพกับการใช้รถนำส่ง ทางเจ้าหน้าที่ในขณะนั้นก็อธิบายให้ฟังว่า ในส่วนของค่ามัดจำนั้นจะไม่ได้คืนเพราะเป็นระเบียบของบริษัท ซึ่งทางญาติอีกคนหนึ่งที่มาคุยด้วยก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตนก็งงเหมือนกันที่พอช่วงเช้าของอีกวันกลับกลายเป็นข่าวว่าทางเราไม่ให้นำศพออก เพราะไม่จ้างรถนำส่งและไม่ซื้อโลง ทำให้เกิดความเสียหายต่อการทำหน้าที่ให้ รพ. ตนต้องขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วย เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบทั้งตนและชื่อเสียงของ รพ. และกระทบต่อการทำธุรกิจนอก รพ.ของครอบครัวด้วย
“อยากให้ญาติเข้าใจว่า พวกตนไม่มีเจตนาที่จะเอาเปรียบญาติผู้เสียชีวิตแต่อย่างใดทั้งสิ้น ซึ่งหลังเกิดกรณีนี้ขึ้น ตนได้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมการบริหาร รพ.สมุทรสาคร ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว” นายอุทิศกล่าว
