นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนตุลาคม 2561 มีการจัดธุรกิจใหม่ 6,197 ราย ลดลงจากเดือนกันยายนปีนี้ 116 ราย หรือลดลง 2% และเทียบกับเดือนตุลาคมปีก่อนมี 6,003 ราย เพิ่มขึ้น 194 ราย หรือคิดเป็น 3% มีทุนจดทะเบียนตั้งใหม่รวม 19,962 ล้านบาท ลดลง 28,065 ล้านบาท จากเดือนกันยายน หรือลดลง 58% และเทียบกับเดือนตุลาคมลดลง 19,761 ล้านบาท หรือลดลง 50% โดยบริษัทตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 573 ราย รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ทั้งนี้ จัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน พบว่า ช่วงมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 6,066 ราย คิดเป็น 97.89 % รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 113 ราย และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 18 ราย โดยมีธุรกิจที่ทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 1 ราย คือ ธุรกิจโรงภาพยนต์ของบริษัทอารีน่า มีมูลค่าทุน 1,740 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ทำให้ช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ มีบริษัทตั้งใหม่แล้ว 62,468 ราย เพิ่มขึ้น 853 ราย หรือ เพิ่ม 1.38 % เทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตของธุรกิจจัดตั้งใหม่มีทิศทางสอดคล้อง กับนโยบายของภาครัฐที่มีการสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งมีอัตราการเติบโตในพื้นที่ 7- 8 % ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวสูงสุด จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยตลอดปี 2561 ยังอยู่ในกรอบของการขยายตัว เนื่องจากปัจจัยมูลค่าการส่งออก และมูลค่าการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2561 และการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินไว้ 1.5% รวมทั้งการยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 – มกราคม 2562 ครอบคลุม 21 ประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือสมาร์ทวีซ่า สำหรับบุคคลเข้ามาพำนักในประเทศไทยชั่วคราวสำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูง กลุ่มนักลงทุน กิจการร่วมลงทุน และกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ มาตรการจากภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเมืองรองและชุมชน เพื่อสนับสนุนธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และ ที่พักโรงแรมในส่วนภูมิภาคให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนในการช่วยผลักดันให้มีการประกอบธุรกิจและการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น
นายวุฒิไกร กล่าวว่า สำหรับธุรกิจเลิกกิจการเดือนตุลาคม มี 2,166 ราย เพิ่มขึ้น 267 รายจากเดือนกันยายนปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 14% และเทียบกับเดือนตุลาคมปีก่อนเพิ่มขึ้น 369 ราย หรือเพิ่มขึ้น 21 % ทำให้ 10 เดือนแรกธุรกิจเลิกกิจการแล้ว 1.3 หมื่นราย โดยเดือนตุลาคมธุรกิจเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร มีมูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ จำนวน10,088 ล้านบาท เทียบกับเดือนกันยายนปีนี้จำนวน 6,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,533 ล้านบาท หรือ 54% และเทียบกับเดือนตุลาคมปีก่อน จำนวน 10,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น58 ล้านบาท คิดเป็น 1% ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท จำนวน 2,064 ราย คิดเป็ 95.29 % รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท
