เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายหลุยส์ มอเซอร์ ผู้บริหารสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประจำภูมิภาค 4 ประเทศ เปิดเผยกรณีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เตรียมดำเนินการก่อสร้างเทอร์มินอล 2 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องแบกรับผู้โดยสารถึง 60 ล้านคนต่อปี ทำให้เกิดความแออัดมาก ซึ่งที่ผ่านมา สายการบินต่างๆ รับทราบว่าจะมีการก่อสร้างเทอมินอลเพิ่มเติม แต่อาจเกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง ที่จะส่งผลกระทบต่อการเพิ่มเที่ยวบินของแต่ละสายการบินได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย
นายมอเซอร์กล่าวว่า เรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย คือการเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดแบบ CTX จำนวน 26 เครื่องที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งใช้งานมา 12 ปีโดยไม่มีปัญหา แต่ ทอท.ได้ออกทีโออาร์จะไม่ใช้เครื่อง CTX และเปิดช่องว่างที่จะให้เครื่องที่ไม่ได้รับการรับรองในระดับ Qualified เข้ามาใช้งาน และในการออกแบบตามทีโออาร์ ก็มีความยุ่งยาก จะมีผลต่อการทำงานของระบบสายพานลำเลียง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดความเสียหายอาจถึงขั้นต้องปิดสนามบิน หรือมีไฟลท์ดีเลย์จำนวนมาก
“ผมได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารระดับสูงทั้ งระดับรัฐบาลและระดับกระทรวง ถึงปัญหานี้และปัญหาอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือได้รับการแก้ไขอย่างล่าช้าในท่าอากาศสุวรรณภูมิ เช่น กรณีเครื่องบินได้รับความเสียหายจาก FOD หรือสิ่งแปลกปลอมโดยเฉพาะเศษหิน จากการหลุดร่อนของพื้นผิวรันเวย์และแท็กซี่เวย์ เศษวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง และเรื่องความแออัดของผู้โดยสาร”นายมอเซอร์กล่าว
