นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ไทย ปี 2562 จะขยายตัวได้เพียง 3.8% จากเดิมคาดขยายตัวได้ 4.0% โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักมาจากการลงทุนเอกชนขยายตัวอย่างชัดเจน 5.4% ผลจากการเดินหน้าลงทุนโครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ส่วนการบริโภคเอกชนขยายตัว 3.5% และมีแรงกดันจากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวต่ำ การบริโภคภาครัฐขยายตัว 1.9% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 7.7% ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 6.6% หรือ 40.2 ล้านคน ทำให้มูลค่าการท่องเที่ยวขยายตัวได้ที่ 5.2% แต่มูลค่าการส่งออกสินค้าชะลอตัวขยายตัวได้ 4.3% หรือราว 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้การค้าโลกชะลอตัวทำให้ความต้องการสินค้าลดลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งไทยส่งออกไปจีนสัดส่วน 16% ของส่งออกทั้งหมด ทั้งนี้ การตัดสิทธิ
พิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป(จีเอสพี) สินค้าไทยของสหรัฐ ที่ปัจจุบันตัดไปแล้ว 11 สินค้า จาก 3,400 สินค้า ขณะนี้สัดส่วนถือว่าไม่มากนัก แต่หากมีการตัดสิทธิมากขึ้นจะยิ่งส่งผลต่อการส่งออก เพราะไทยใช้สิทธิจีเอสพีของสหรัฐเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย ส่วนผลกระทบจากสงครามการค้ามองว่าไทยยังได้ประโยชน์มากจากการย้ายฐานการผลิตมายังไทย เช่น จีนย้ายฐานการผลิตยางรถยนต์มายังไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐ เป็นต้น
“ความชัดเจนการเมืองทำให้เกิดนักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นที่จะลงทุนเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม วันเลือกตั้งและผลการเลือกตั้งที่จะออกมา ไม่สำคัญเท่าความต่อเนื่องของนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหาร” นายนริศ กล่าว
นายนริศ กล่าวว่า สำหรับจีดีพีไตรมาสที่ 4 ปี 2561 คาดขยายตัว 4.0% ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ขยายตัวเพียง 3.3% เมื่อรวมกับจีดีพีครึ่งปีแรก 2561 ที่ขยายตัวสูง 4.8% ทำให้ปี 2561 ได้ปรับคาดการณ์จีดีพีขยายตัวได้ 4.0% จากเดิมที่คาดขยายตัวได้ 4.3% โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ายังขยายตัวได้ดีที่ 7.4% ลดลงจากเดิมคาด 8% การบริโภคเอกชนขยายตัวดี 4.7% การลงทุนเอกชนขยายตัว 3.8% การบริโภคและการลงทุนภาครัฐขยายตัว 2.0% และ 5.1% ตามลำดับ ด้านมูลค่าการท่องเที่ยวและบริการขยายตัว 3.4% จากผลกระทบนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง อย่างไรก็ตามจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวที่ 6.4% หรือ 37.7 ล้านคน
นายนริศ กล่าวว่า ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดกว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ จาก 1.50% เป็น 1.75% เพราะหากไปขึ้นในปี 2562 จะไม่ทันการและไม่มีปัจจัยหนุนเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งออกและท่องเที่ยวชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อยังต่ำมาก แต่อาจจะเห็นขึ้นอีกครั้งในปี 2562 อีก 0.25% เป็น 2.00% โดยต้องจับตาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์หาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย อาจจะทำให้ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นได้ 0.125% ในฝั่งเงินกู้ แต่เงินฝากที่ถือเป็นต้นทุนหลักของธนาคารพาณิชย์ปัจจุบัอยู่ที่ราว 0.50% จะปรับขึ้นหรือไม่ต้องรอดูการแข่งขันในตลาด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายในปี 2562 มีแนวโน้มจะผันผวนมากขึ้นและอาจจะเห็นเงินทุนไหลออกสุทธิ จากปัจจัยภายนอกจากสภาพคล่องโลกที่ตึงตัวมากขึ้นทำให้มีเงินทุนไหลออก ขณะที่การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติชะลอลงจากภาคส่งออกและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว คาดว่าสิ้นปี 2562 ค่าเงินบาทมีโอกาสอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2561 เฉลี่ยอยู่ราว 32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
