เสียงเตือน ‘วีรบุรุษประชาธิปไตย’ กติกาที่ไม่เป็นกลาง จลาจล!

เสียงเตือน นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานรัฐสภา พึงสังวรณ์อย่างยิ่ง

นายอาทิตย์สะท้อนผ่านเฟซบุ๊คของตัวเองว่า “เชื่อเถอะ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายใต้ระบบกฎเกณฑ์กติกาและบรรยากาศที่รัฐบาลเผด็จการกำหนดขึ้นมา

เพื่อให้ตนเองลงสมัครชนะการเลือกตั้งเช่นนี้ อีกทั้งองค์กรอิสระทั้งหลาย รวมทั้ง กกต. ไม่ได้มีความเป็นกลางและอิสระจริง

ไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปไตยและได้รับการยอมรับจากประชาชน

Advertisement

จะยิ่งนำประเทศชาติบ้านเมืองไปสู่ความขัดแย้ง จลาจลวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม ทำไมถึงมองไม่เห็นกันเลย หรือไม่เคยมีประสบการณ์กันมาก่อน อย่าดันทุรังกันนักเลย”

นายอาทิตย์ได้รับฉายา “วีรบุรุษประชาธิปไตย” จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ได้เสนอชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีแทน พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ที่กล่าวกันว่าจะมารับช่วงต่อรัฐบาลรสช.

เสียงเตือนของนายอาทิตย์หลังประกาศราชกิจจานุเบกษาประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ

Advertisement

ที่นักการเมืองวิจารณ์กันขรมว่าพิศดาร ว่าการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้หวังเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองบางพรรค เริ่มเห็นท่าไม่ดีตั้งแต่เอกสารแบ่งเขตเลือกตั้งหลุดออกมาก่อนประกาศในราชกิจนุเบกษา 1 วัน เนื้อหาเหมือนกันหมด ยกเว้นไม่มีลายเซ็นประธานกกต. และเมื่อประกาศเขตเลือกตั้งในราชกิจนุเบิกออกมาแล้วนักการเมืองโวยกันแหลก โดยเฉพาะ กาญจนบุรี นครราชสีมา สุโขทัย

มีมุม ที่น่าฟังจาก ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการจากสถาบันพระปกเกล้า ว่า เดิมจำนวน ส.ส.เขต เมื่อปี 2557 กำหนดส.ส.ไว้ 375คน ในการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 เหลือส.ส. 350 คน ตามรัฐธรรมนูญ

จำนวนส.ส.ที่หายไป 25 คน กระทบ 23 จังหวัด ที่ส.ส.ลดลง

แต่พบว่า 50 กว่าจังหวัดมี ส.ส.เท่าเดิม แต่เขตเลือกตั้งเปลี่ยน ถึงขนาดเปลี่ยนเขตเลือกตั้งโยกอำเภอถึง 10 จังหวัด และเปลี่ยนโยกตำบล 15 จังหวัด

กับคำถามชวนสงสัยเขตเลือกตั้งที่มีการขยับพื้นที่กันขนาดนี้ มีต่อเขตเลือกตั้งที่คะแนนแพ้-ชนะสูสีหรือไม่

นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า มีความเห็นเรื่องนี้ว่า ปรากฎว่าการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 จำนวน 375 เขต มี 20 % ที่ ผู้ชนะเลือกตั้ง อันดับ 1 กับ 2มีคะแนนห่างกันไมถึง 5,000 คะแนน ซึ่งถ้าเทียบกับ 350 เขตในการเลือกตั้งครั้งนี้ 20 % คือ 70 เขตเลือกตั้ง

เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่า 70 เขตนั้น เปลี่ยนแปลงรูปร่างเขตเลือกตั้งไปขนาดไหน แล้วถึงจะตอบได้ว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อการชนะเลือกตั้งหรือไม่

ทั้งหมดล้วนมีคำถามถึงความเป็นกลางของ”กติกา”ทั้งสิ้น

ตอกย้ำเสียงเตือน “วีรบุรุษประชาธิปไตย” เข้าไปอีก เมื่อนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 1

แม้ว่าไม่เหนือความคาดหมายเลย แต่เป็นครั้งแรกที่เปิดหน้าชัด

เท่ากับว่างานนี้”กรรมการ”ได้ผันตัวเข้ามาเป็นผู้เล่นโดยสมบูรณ์แล้ว

เหตุผลยึดอำนาจ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ที่อ้างว่าเข้ามาเป็น”กรรมการ”ยุติความขัดแย้งกีฬาสีเสื้อ และเพื่อปฏิรูปการเมือง

แต่ผลที่ออกมาหลังจาก 4 ปี กลับสืบทอดอำนาจ จากกติกาที่ตัวเองกำหนดขึ้น

แล้วการเลือกตั้งจะเกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร ประเทศชาติไม่ย้อนสู่ความขัดแย้ง จลาจลวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมหรือ?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image