นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่ปรากฏในโลกออนไลน์ถึงกรณีผู้หญิงใส่สร้อยทองคำโชว์บัตรสวัสดิการของตัวเอง และโพสต์ลงในโซเซียลมีเดียว่า ได้สอบถามไปยังบุคคลดังกล่าวแล้ว และบอกว่าตอนที่ไปลงทะเบียนในปี2559 นั้น ยังไม่มีรายได้ และยังไม่มีรถยนต์ ทำให้เข้าเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปดำเนินการตรวจสอบกรณีนี้แล้ว ซึ่งในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องแสดงฐานะทางการเงินของตัวเองทุกปี คล้ายกับบุคคลที่ต้องยื่นแบบแสดงรายได้เพื่อยื่นเสียภาษีต่อกรมสรรพากรทุกปี
นางสาวนฤมลกล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) อยู่ระหว่างการศึกษาระบบคัดกรองผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอาจนำภาระหนี้ มาเป็นตัวกลั่นกรองบุคคลที่จะได้รับบัตรสวัสดิการ เพื่อลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด การดูว่ามีหนี้อะไรบ้าง จะช่วยสะท้อนว่าบุคคลนั้นมีรายได้ เกินกว่านิยามของคนมีรายได้น้อยหรือไม่ ซึ่งการเป็นหนี้สามารถมองได้หลายมิติ เช่น หากบุคคลมีหนี้มาก อาจถูกมองว่ามีความสามารถในการหารายได้สูง ขณะที่บางกรณีการมีหนี้สูงจนท่วมตัว และกลายเป็นปัญหาหนี้สินส่วนบุคคล
นางสาวนฤมลกล่าวว่า ในการลงทะเบียครั้งที่ผ่านมาในปี2559 ยังไม่ได้ใช้เกณฑ์ฝั่งหนี้สินของผู้ยื่นขอบัตรสวัสดิการมาพิจารณา แต่ใช้เกณฑ์ทรัพย์สินรายได้ เป็นเกณฑ์ คือ กำหนดว่าจะต้องเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี ,มีบ้านกรณีเป็นทาวน์เฮ้าขนาดไม่เกิน 25 ตรว.และห้องชุดขนาดไม่เกิน 35 ตรม.และมีที่ดินกรณีเพื่อการเกษตรไม่เกิน 10 ไร่ และกรณีเพื่อการอื่นๆไม่เกิน 1 ไร่ โดยกรมบัญชีกลางที่ดูแลโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช็คข้อมูลบุคคลจากฐานข้อมูลกว่า 40 แห่ง เช่น จากกรมที่ดิน,,สมาคมธนาคารไทย,และเครดิตบุโร เป็นต้น
“แม้เกณฑ์ลงทะเบียนที่ผ่านมาจะยังไม่ได้นำปัจจัยด้านหนี้สินมาเป็นตัวกำหนดด้วยก็ตาม แต่กระทรวงการคลังมีข้อมูลด้านหนี้สินของผู้ถือบัตรทุกคน นอกจากนี้โครงการไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล ที่มีการลงทะเบยนสวัสดิการล่าสุดยังได้ตัดคนที่มีหนี้บัตรเครดิตออกไป เนื่องจากตามเกณฑ์ของ ธปท.แล้ว คนที่จะมีบัตรเครดิตได้ จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาท/เดือน ซึ่งถือว่า ไม่อยู่ในเกณฑ์ผู้มีรายได้น้อย”นางสาวนฤมลกล่าว
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า สศค. กำลังศึกษาเกณฑ์การกำหนดคนจนที่จะได้รับบัตรสวัสดิการใหม่ เพื่อให้การคัดกรองมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด เช่น กรณี คนที่สามารถผ่อนรถยนต์ได้ น่าจะถูกตีความว่ามีรายได้เกินกว่าคนจน ที่จะต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาท อย่างไรก็ตามกระบวนการคัดกรองบุคคลที่สมควรได้รับสิทธิ์นั้น คงไม่สามารถคัดกรองให้ถูกต้องทั้ง100 % อาจมีบุคคลที่ไม่เข้าเกณฑ์เล็ดลอดเข้ามาบ้าง แม้ในสหรัฐอเมริกา ที่ใช้การช่วยเหลือคนจนผ่านระบบภาษี( Negative Income Tax) ก็ยังมีคนที่ไม่สมควรได้รับสิทธิ์เล็ดลอดเข้ามา แต่ในสหรัฐนั้นมีบทลงโทษค่อนข้างเข้มงวด คือ หากถูกตรวจสอบได้จะถูกลงโทษอย่างหนัก โดยในอนาคต แม้ว่าจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ก็จะถูกตัดสิทธิ์ ส่วนของไทยกำลังมีปัญหาขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
