INGRS โชว์รายได้ Q3 เฉียดพันล้าน กำไรเพิ่มขึ้น 161% จ่ายปันผล 0.026 บาทต่อหุ้น

นายฮามิดี บิน เมาลอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ INGRS กล่าวว่า ไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 912.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากไตรมาส 2 มีรายได้ 812.41 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,458% เทียบกำไรช่วงไตรมาส 2 และเพิ่มขึ้น 161% เทียบช่วงเดียวกันปี 2560 โดยรายได้รวมของบริษัทฯ เป็นรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทยประมาณ 32.54% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียประมาณ 55.25% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินเดียประมาณ 5.83% และรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียประมาณ 6.38%

สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2018 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,378.27ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 2,148.47 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 48.35 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 104.36 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯย่อยในมาเลซียมีค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้นและมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.026 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 37,620,509.94 บาทโดยกำหนดวันปิดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 3 มกราคม 2562

นายฮามิดี บิน เมาลอด กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจของบริษัท มีแนวโน้มดีขึ้น ได้เซ็นสัญญารับออเดอร์ใหม่เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯมีการเริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โครงการใหม่หลายโครงการในประเทศไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตอย่างมั่นคง ใช้งบลงทุนในปีนี้ทั้งสิ้นประมาณ 540 ล้านบาท นอกจากนี้ กำลังเสนองานใหม่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นโครงการระดับโลกซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงกว่าโครงการทั่วไป คาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลภายในปี 2019 และสำหรับประเทศมาเลเซียคาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ปี 2019 จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการของกลุ่มโปรตอน และการสนับสนุนจากภาครัฐมาเลเซีย จึงคาดว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มโปรตอนซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าหลักของบริษัทจะเพิ่มมากขึ้นและเข้าสู่สภาวะปกติ นอกจากนี้ INGRS วางแผนที่จะขยายธุรกิจในประเทศอินเดียอย่างเต็มที่ โดยบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ตลอดจนขยายฐานลูกค้าผลิตรถยนต์รายใหม่ๆเพิ่มเติม เนื่องจากอินเดียมีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีการผลิตรถยนต์ปีละ 4 ล้านคัน และยังเติบโตสูงสุดถึง 14.3% จากปีก่อน

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image