เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.72 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจาก 32.74 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสิ้นวันทำการก่อน โดยคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินสหรัฐเปิดรับความเสี่ยงขึ้นเล็กน้อย แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างหนัก โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงถึง 5.6% ภายในวันเดียวไปอยู่ที่ระดับ 56 ดอลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 14 เดือน อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์กลับไม่แข็งค่ามากนักแม้ตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) เพราะส่วนหนึ่งเชื่อว่า การขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐจะต้องลดลงในการประชุมเฟดคืนวันนี้
นายจิติพล กล่าวว่า ส่วนของประเทศไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย “ขึ้น” จากระดับ 1.50% ไปที่ 1.75% ในการประชุมครั้งนี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อ ขณะที่พันธบัตร(บอนด์) ระยะสั้นก็จะถูกขายทำกำไรจากการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว แม้ดอกเบี้ยจะไม่มีผลกับหุ้นมากนัก แต่เชื่อว่าวันนี้ตลาดหุ้นไทยก็จะเจอกับแรงกดดันเรื่องราคาน้ำมันจนต้องปรับตัวลงเช่นกัน
“การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญลำดับสุดท้ายของปี เชื่อว่าจะทำให้ตลาดมีการปรับพฤติกรรมและเตรียมพร้อมกับปี 2562 มากขึ้น ในปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2562 จะเข้าสู่ภาวะทดถอย แต่ตลาดการเงินจะไม่ลดความผันผวนลง ซึ่งไม่เป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง คาดกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 32.65-32.75บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากกนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายช่วงบ่ายวันนี้ จะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกหลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% มายาวนานตั้งแต่การลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2558 หรือในการประชุม 28 ครั้ง ระยะ 3 ปีกว่า และจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในระยะการประชุม 57 ครั้ง หรือระยะเวลา 7 ปีโดยประมาณ ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดคือการประชุมในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 หลังจากนั้นมีการลดอัตราดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาโดยตลอด
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
