นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการหารือเบื้องต้นที่จะร่วมมือของภาคเอกชนไทยรายใหญ่เพื่อจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมหรือ อินโนสเปซ(ไทยแลนด์) ในรูปบริษัทร่วมทุนเพื่อเป็นแนวทางการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือ สตาร์ตอัพ ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมายโดยเฉพาะที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือ สาขาการเกษตรที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทย เบื้องต้นจะประเดิมเงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาทคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เพื่อเปิดดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562
“อินโนสเปซ(ไทยแลนด์) จะเป็นแพลตฟอร์มกลางที่มีพลังจากเครือข่ายทุกส่วนมาช่วยส่งเสริมและพัฒนา สตาร์ตอัพไทยแบบครบวงจร โดยมีการเชิญชวนและสรรหาผู้ประกอบการ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมูลค่าสูงเข้ามาร่วม ทั้งในและต่างประเทศโดยจะตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัดเพื่อดำเนินการ เพราะรัฐบาลเองจะไม่คล่องตัวและติดกฎหมายการลงทุนเองไม่ได้ซึ่งรูปแบบนี้หลายประเทศทั่วโลกทำอยู่ ”นายอุตตมกล่าว
นายอุตตมกล่าวว่า ปัจจุบันเอกชนรายใหญ่ที่จะเข้ามาร่วมเบื้องต้นได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จำกัด บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยในส่วนของรัฐที่จะเข้าร่วมลงทุนคือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และพร้อมเปิดกว้างให้กับหน่วยงานเอกชนอื่นๆเข้าร่วมได้ในระยะต่อไป
นายอุตตมกล่าวว่า นอกจากนี้ได้ประสานความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริม และพัฒนาสตาร์ตอัพจากต่างประเทศ คือ ฮ่องกง ไซเบอร์ฟอร์ท และหน่วยงานส่งเสริมสตาร์ตอัพ ประเทศอิสราเอล เพื่อขยายและเชื่อมต่อมายังอินโน สเปซ ของไทย ซึ่งความร่วมมือทั้งหมดจะมุ่งใน 3 รูปแบบ คือ พันธมิตรด้านการบ่มเพาะ พันธมิตรด้านองค์ความรู้ และพันธมิตรด้านการลงทุน
นายอุตตมกล่าวว่า สถานที่ตั้งโครงการ จะอยู่ในพื้นที่โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ ณ สถาบันวิทยสิริเมธี จังหวัดระยอง และจะมีเครือข่ายอีก 5 แห่ง อาทิศูนย์ไอทีซี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหลังจากนี้ จะเชื่อมโยงไปยังสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยมุ่งหวังจะยกระดับสินค้าภาคเกษตรไทยเชื่อมโยงอุตสาหกรรม
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสวทช. กล่าวว่า สวทช.กำลังหารือในรายละเอียดถึงการจัดตั้ง อินโน สเปซ ที่เบื้องต้นสวทช. จะถือหุ้นไม่เกิน 5-10% ที่เหลือจะเป็นเอกชนเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็จะจัดตั้งบริษัทนาสด้า โฮลดิ้งที่สวทช.จะถือหุ้น 50%และ อินโน สเปซ ถือหุ้น 50% เพื่อการดำเนินงานในรูปแบบเอกชนคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ล้านบาท และยังมีแนวคิดที่จะดึงนักวิจัยของสวทช.มาร่วมนำงานวิจัยต่อยอดเป็นสตาร์ทอัพได้ด้วยแต่ยังคงสามารถทำงานที่สวทช.เช่นเดิมซึ่งรายละเอียดจะมีการนำเสนอบอร์ดเห็นชอบอีกครั้ง ซึ่งคาดหวังว่าจะสร้างสตาร์ทอัพประมาณ 100-200 รายต่อปี
