จากกรณีน้องต้าแง เด็กชาวพม่า อายุ 2 ขวบ 1 เดือน ได้หายตัวไปในไร่อ้อย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม จนเวลาผ่านมากว่า 9 วัน ทุกภาคส่วนได้เร่งกำลังค้นหากันอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เวลาประมาณ 15.00 น.ได้พบศพน้องบริเวณพงหญ้าร่องน้ำในไร่อ้อย หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ต่อมาจนท.ตำรวจได้นำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ผลออกมาว่า ไม่พบบาดแผลร่องรอยของการถูกทำร้าย จนท.จึงได้วางแนวทางในการสืบสวนต่อ ซึ่งทางญาติของน้องต้าแง ยังคลางแคลงใจ และขอให้มีการผ่าศพชันสูตรอีกรอบ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งผลการผ่าชันสูตรก็ออกมาเหมือนกับทางสถาบันนิติเวชคือ ไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้าย กระดูกไม่มีรอยแตกหัก จากนั้นตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานในการทำงานตามสมมุติฐาน ประเด็นที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกที่น้องตัวไป ว่าเกิดจากสาเหตุใด โดยเมื่อวานได้มีการตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ นายฝนซึ่งเป็นชายไม่สมประกอบ บกพร่องด้านพัฒนาการสมอง ในวัย 32 ปี และได้ส่งตัวนายฝนไปยังสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ รพ.นิติจิตเวช กทม. ทำให้วันนี้เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา บรรดาญาตินายฝน กว่า 150 คน ได้เดินทางมาขอความเป็นธรรมและไม่เชื่อว่านายฝนเป็นคนทำและพาน้องไป ที่บริเวณหน้า สภ.สระยายโสม โดยมี พ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผกก.สภ.สระยายโสม ได้ชี้แจงเบื้องต้น
จากนั้น เมื่อเวลา 13.00 น. ด้าน พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยคณะทำงาน ชุดสืบสวน สอบสวน จึงได้เปิดห้องประชุมที่ สภ.สระยายโสม พร้อมเชิญญาติของนายฝน เข้าร่วมฟังการชี้แจง พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามในทุกประเด็นข้อสงสัย ต่อหน้าสื่อมมวลชนที่มาร่วมติดตามทำข่าว
ด้าน พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ก่อนอื่นขอเรียนกับทางญาติว่า เมื่อวานที่ได้มีการแถลงชี้แจงไปนั้น ไม่ใช่เป็นการปิดคดี แต่เป็นการชี้แจงความคืบหน้าว่า ตอนนี้ตำรวจดำเนินการเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว ซึ่งตำรวจก็ทำงานเต็มที่ที่ผ่านมา ไม่มีอะไรต้องโกหกหรือบิดเบือน สามารถพูดเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ หากญาติยังคลางแคลงใจ หรือมีประเด็นไหน พยานคนใด ที่จะให้ประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถมาให้ปากคำได้ตลอดเวลาที่ สภ.สระยายโสม เพื่อรวบรวบในสำนวนด้านคดีต่อไป ส่วนญาติได้สอบถามว่า นายฝนไม่เคยขี่จักรยานไปเส้นทางนั้น ระหว่างนั้นนายฝนนั่งกินก๋วยเตี๋ยว และมีรอยนิ้วมือแฝงที่จักรยานหรือไม่ ปิดคดีหรือยัง นายฝนไปไหน
ซึ่งทาง ผบก.ได้ชี้แจงอย่างละเอียด ว่า ขณะนี้การทำงานตำรวจยังไม่ได้สิ้นสุดลง ไม่ได้ปิดคดี เพียงแต่ก็มีความคืบหน้า ไปตามขั้นตอนกระบวนการของการทำงาน ส่วนนายฝนจะขี่จักรยานไปทางนั้นจริงหรือไม่ ทำอะไรในเวลาเกิดเหตุ ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่ยังไม่เจอน้องต้าแงแล้ว อยู่ในขั้นตอนของสำนวนคดี บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะมีใครที่สามารถเป็นพยานเพิ่ม ตามที่ญาติกล่าว มา ก็สามารถมาเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจได้เลย ได้สั่งการให้ ผกก.เร่งรัดดำเนินการอยู่แล้ว สำหรับการสอบปากคำนายฝนที่ผ่านมา ทางตำรวจได้ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา ในการพูดคุย ซึ่งตามอายุนายฝน มีอายุ 32 ปี แต่พัฒนาการด้านสมองเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ดังนั้นเวลาสอบปากคำหรือพุดคุยจะต้องมี จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาอยู่ด้วย ซึ่งเราถามอะไร เค้าก็ตอบไปตามนั้น ซึ่ง ไม่มีใครไปบังคับให้เค้าตอบได้ พ่อแม่ หรือ ญาติเอง ที่อยู่กับเค้าก็ต้องรู้พฤติกรรมนายฝน ส่วนตัวนายฝนหลังเมื่อวานได้แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ รพ.นิติจิตเวช กทม. ไม่ใช่จับตัวนายฝนไปติดคุก ยังไม่ได้ปิดคดี เพียงแต่ทำไปตามกระบวนการขั้นตอน ต้องให้แพทย์ดูแลพูดคุย วิเคราะห์ ว่าต้องอยู่กี่วัน ซึ่งทางตำรวจจะได้แจ้งญาติให้ทราบภายในวันนี้ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าญาติเป็นห่วง และ ต้องขอโทษหากทางตำรวจทำอะไรที่ญาติอาจไม่พอใจไปบ้าง แต่ขอให้เข้าใจและขอชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบิดเบือนว่า การทำคดีนี้ ดังนั้นให้ญาติสบายใจได้ หากมีข้อสงสัย หรือ มีพยานหลักฐาน เพิ่มเติม ขอให้แจ้งหรือ สอบถามผม ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ตนโดยตรง พร้อมชี้แจงทุกข้อสงสัย ก่อนญาติทุกคนแยกย้ายกลับ
