ธปท.จับตากำลังซื้อคอนโดต่างชาติ คาดศก.ไทยโต4%ตามศักยภาพ ไม่กังวลเงินเฟ้อต่ำ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธปท. ประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปี 2562 จะขยายตัว 4.0% โดยเป็นกรณีพื้นฐาน(เบสไลน์) และถือว่าเป็นการขยายตัวสอดคล้องตามศักยภาพเศรษฐกิจไทย แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจากที่ขยายตัวสูงก่อนหน้าแต่ยังไม่มีสัญญาณถดถอย และมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากในประเทศทั้งการบริโภคที่ขยายตัวต่อเนื่อง การเบิกจ่ายลงทุนภาครัฐ การลงทุนเอกชนมีแนวโน้มดีขึ้นและมีการย้ายฐานผลิตจากจีนมายังไทย ขณะที่การส่งออกชะลอตัวลงตามปริมาณการค้าโลกที่ชะลอตัวจากผลกระทบสงครามการค้า และการท่องเที่ยวชะลอตัวลงบ้างแต่สัญญาณดีขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ธปท.พร้อมใช้เครื่องมือที่มี ทั้ง ดอกเบี้ยนโยบาย มาตรการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน(แมคโครพรูเด็นเชียล) มาตรการการกำกับดูแลรายสถาบันการเงิน(ไมโครพรูเด็นเชียล) เป็นต้น ในการดูแลความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งกรณีที่เศรษฐกิจไม่ขยายตัวตามเบสไลน์ที่ประมาณการณ์ไว้

นายวิรไท กล่าวว่า ธปท. ยังติดตามความเสี่ยงซัพพลายอาคารชุดเหลือขายมากขึ้น เนื่องจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนมีความต้องการซื้ออาคารชุดไทยมากขึ้น โดยช่วง 9 เดือนแรก 2561 พบว่ามีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดของต่างชาติถึง 6.8 หมื่นล้านบาท หรือสัดส่วนกว่า 31% ของมูลค่าการโอนโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2559 ที่สัดส่วน 21% และปี 2560 ที่ 27% หากเศรษฐกิจต่างชาติชะลอตัวอาจจะมีผลให้ความต้องการซื้อลดลงได้ ทั้งนี้ ยังติดตามสถานการณ์สหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งเป็นธนาคารเงาที่ใหญ่ของระบบการเงินไทยโดยเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์คิดเป็นกว่า10% ของเงินฝากในระบบการเงินไทยและยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการให้กู้ยืมเงินระหว่างสหกรณ์มากขึ้น ถ้าสหกรณ์ใดสหกรณ์หนึ่งมีปัญหาจะกระทบต่อภาพรวมระบบการเงินได้ พฤติกรรมการออกพันธบัตรที่ไม่มีการจัดอันดับที่มีปัญหาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันกันสูง โดยธนาคารพาณิชย์อาจจะมองว่าสินเชื่อที่ปล่อยไป เช่น สินเชื่อระยะสั้น(บิดดิ้งโลน) มีการประเมินโครงการลงทุนขนาดใหญ่โดยวิเคราะห์สินเชื่อแบบปีเดียวและหวังว่าจะสามารถระดมทุนผ่านตราสารหนี้และจะทำให้ธนาคารพาณิชย์จะตัดความเสี่ยงออกไปได้

นายวิรไท กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะค่อยเป็นค่อยไปโดยอาจไม่ต่อเนื่องเหมือนในอดีต โดยจะประเมินสถานการณ์ตามพัฒนาการของข้อมูลเศรษฐกิจ(ดาต้าดีเพนเด้นท์)ทั้ง การขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อและเสถียรภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อาทิ มาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐและจีนที่อาจส่งผลกระทบมากกว่าคาด รวมทั้งความชัดเจนเบร็กซิท เป็นต้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ และปีนี้ ธปท. คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.0% นั้น ยังถือว่าอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1.0-4.0% ซึ่งแม้ว่าเงินเฟ้อจะต่ำเกิดจากปัญหาโครงสร้าง ทั้งเทคโนโลยีที่พัฒนา กาค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ราคาพลังงาน เป็นต้น โดยอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันยังไม่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายให้ชะลอตัวจนทำให้เกิดความกังวลเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ขณะนี้เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ มีการลงทุน การบริโภคเพิ่มขึ้น มีการจ้างงานและอัตราว่างงานต่ำ

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image