นายประณิธาน พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกโคมัตสุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมหนักในเมืองไทย มีการแข่งขันค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากครึ่งปีแรกโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ ของหน่วยภาครัฐคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เครื่องจักรกลหนักหลายแบรนด์อื่นๆ ยังสามารถตอบโจทย์โครงการ และงานก่อสร้างทุกประเภท นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสทางธุรกิจจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี หลายโครงการยังมีความต้องการเครื่องจักรกลสูง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา) เป็นต้น
นายประณิธานกล่าวว่า ปี 2019 บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อขยายตลาดอุตสาหกรรมเครื่องจักรหนัก ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเปิดตัวโฉมใหม่รถขุด โคมัตสุ รุ่น PC210-10M0 พัฒนาระบบควบคุมเครื่องยนต์ใหม่ ทำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นถึง 20% ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าของโคมัตสุพัฒนาให้ปรับลดรอบการทำงานของเครื่องยนต์ลง และพัฒนาระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง พัฒนาปั๊มไฮดรอลิกให้ใหญ่ขึ้นทำให้อัตราการไหลของน้ำมันไฮดรอลิกดีขึ้นที่รอบเครื่องยนต์ต่ำลง พร้อมทั้งระบบพัดลมเครื่องยนต์แบบใหม่ ทำให้ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และมีการออกแบบปั๊มไฮดรอลิกใหญ่ขึ้น ทำให้อัตราการไหลของน้ำมันไฮดรอลิกดีขึ้น
รถขุดโคมัตสุรุ่น PC210-10M0 มีแรงม้าเพิ่มขึ้น 28% สูงสุด 165 แรงม้า ออกแบบโครงสร้างตัวถังใหม่ เสริมความแข็งแรงอุปกรณ์ทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมขั้นสูงจากโคมัตสุ เพิ่มน้ำหนักเคาท์เตอร์เวท เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและสมดุลในการทำงาน ออกแบบรูปทรงบุ้งกี๋ใหม่และมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงสามารถเพิ่มผลผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการยกวัสดุมากขึ้น 5%
นายประณิธานกล่าวว่า ภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลหนัก ในปี 2018 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 13,300 ล้านบาท โคมัตสุมียอดขายเครื่องจักรในปี 2018 เป็นมูลค่าอยู่ประมาณ 2,700 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 20% ปี 2019 บริษัทตั้งเป้ายอดขายรถขุดรุ่น PC210-10M0 อยู่ที่ 400 คัน คิดเป็นมูลค่า 1,900 ล้านบาท ตลาดรวมปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีที่แล้วรวมอยู่ที่ประมาณ 13,500 ล้านบาท จากปี 2017 มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ประมาณ 15,000 ล้านบาท โคมัตสุมียอดขายเครื่องจักรในปี 2017 เป็นมูลค่าอยู่ประมาณ 4,200 ล้านบาท
โคมัตสุนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ มีระบบคอมแทรกซ์ (KOMTRAX) เป็นระบบช่วยบริหารเครื่องจักรแล้ว พร้อมทั้งได้พัฒนาระบบคาร์เต้ (CARTE) เป็นระบบฐานข้อมูลเครื่องจักรที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเครื่องจักร ตั้งแต่เริ่มใช้จนถึงปัจจุบัน เช่น KOMTRAX, PM, KOWA ข้อมูลการบำรุงรักษา ระบบนี้ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกๆ ด้านของเครื่องจักรได้สะดวกขึ้น รวมถึงการวางแผนการใช้งาน การวางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายประณิธานกล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการดูแลเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน เป็นการให้บริการทั้งก่อน และหลังการขาย โดยเฉพาะบริการหลังการขาย เนื่องจากสินค้าเครื่องจักรเป็นสินค้าค่อนข้างเฉพาะทาง บริษัทจึงดูแลเครื่องจักรของลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน (Total Life Cycle Support) ผ่านบริการต่างๆ ที่เราคิดขึ้นมา ปัจจุบัน โคมัตสุ มีศูนย์บริการรวม 23 แห่งทั่วประเทศ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครสวรรค์ และมุกดาหาร
