นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯกำลังหารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อร่วมกันทำแผนพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวกับแหล่งสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(จีไอ)ควบคู่กันไป เพื่อกระตุ้นให้คนในชุมชนทั่วประเทศร่วมกันพิจารณาและผลักดันสินค้าในชุมชนนั้นๆให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มสินค้าจีไอ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว โดยสัญลักษณ์จีไอเปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้ามากขึ้น
นายทศพล กล่าวว่า ขณะนี้มีสินค้าที่จดทะเบียนจีไอแล้ว 103 สินค้าใน 66 จังหวัดทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี และยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้สินค้าจีไอครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศให้ได้ภายในปี 2562-63 ปัจจุบันมีการยื่นคำขอจดสินค้าจีไอของคนในชุมชนช่วงเข้ามาในกรมฯอย่างต่อเนื่องและบางพื้นที่อยู่ขั้นตอนระดมความคิดเห็นของคนในชุมชนว่าจะตั้งชื่อสินค้าและเลือกสินค้ากันอย่างไร เพื่อให้ตรงตามหลักเกณฑ์อัตราลักษณ์ที่จะได้รับจดเป็นสินค้าจีไอทำให้การขึ้นทะเบียนของสินค้าจีไอในบางพื้นที่เกิดความล่าช้าอยู่บ้าง
นายทศพล กล่าวว่า หากแยกในหลายจังหวัด พบว่า สินค้าจีไอของเชียงราย ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศที่สร้างรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท สินค้าจีไอหลายรายการส่งออกในหลายประเทศได้ดีและเริ่มเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก อาทิ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง สับปะรดภูแลเชียงราย สับปะรดนางแล และชาเชียงราย หลายพื้นที่ปลูกได้พัฒนาเป็นแหล่งผลิตสินค้าแหล่งเรียนรู้ ซึ่งสามารถควบคู่ไปกับเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามภายในจังหวัดนั้นด้วย
