“จีไอที”ชี้อัญมณีและเครื่องประดับไทยเฟื่องฟู ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่อประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยช่วง 11 เดือนของปี 2561 มีมูลค่า 11,101.54 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.72% คิดเป็นเงินบาทประมาณ 355,056.65 ล้านบาท ลดลง 13.18% หากหักทองคำ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกมีมูลค่า 7,133.58 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.29% คิดเป็นเงินบาท 228,339.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.07% เมื่อพิจารณาการส่งออกเป็นรายสินค้า พบว่า เครื่องประดับทอง ส่งออกได้เพิ่มขึ้น 11.22% เครื่องประดับเงินเพิ่ม 5.09% เพชรเจียระไน เพิ่ม 6.91% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 0.96% และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มขึ้น 3.94% ส่วนทองคำลดลง 26.27% และเครื่องประดับแพลทินัม ลดลง 0.37%

นางดวงกมล กล่าวว่า สำหรับตลาดส่งออกขยายตัวสูงสุด ได้แก่ จีนเพิ่มขึ้น 31.06% เพราะส่งออกเครื่องประดับเงินได้มากขึ้นถึง 38.96% รองลงมา คือ สหรัฐฯเพิ่ม 15.34% จากการส่งออกเครื่องประดับเงินและทอง อาเซียนเพิ่ม 14.64% จากการส่งออกไปสิงคโปร์และเวียดนามเพิ่มขึ้น กลุ่มประเทศตะวันออกกลางเพิ่ม 12.80% จากการส่งออกไปอิสราเอลและการ์ตาเพิ่มขึ้น สหภาพยุโรปเพิ่ม 10.71% เพราะตลาดเยอรมนี เบลเยี่ยมและอังกฤษส่งออกได้เพิ่มขึ้น อินเดียเพิ่ม 9.29% จากการส่งออกเพชรเจียระไนเพิ่ม ญี่ปุ่นเพิ่ม 2.39% จากการส่งออกเครื่องประดับทองและเงิน และประเทศอื่นๆ รวมกันเพิ่ม 9.28% ส่วนฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย การส่งออกลดลง 1.02% จากการส่งออกพลอยเนื้อแข็งเจียระไน ทองคำและเครื่องประดับเงินลดลง และประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ลด 15.67% รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช ลด 3.47%

“ส่วนตลาดภายในประเทศ เติบโตกว่า มีมูลค่าการค้าสูงกว่า 3 แสนล้านบาท ผลจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค บวกกับมีแรงซื้อจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยกว่า 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง แต่ไม่กระทบกำลังซื้อ ทำให้การค้าขายอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศยังโตได้ดี ”นางดวงกมล กล่าว

Advertisement

นางดวงกมล กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการค้าอัญมณีและเครื่องประดับในปี2562 สถาบันฯประเมินว่าจะขยายตัวได้ดีทั้งการส่งออก และการค้าภายในประเทศ โดยการส่งออก ต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้า ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมถึงการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ(Brexit) ส่วนในประเทศดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ดังนั้น แนะให้ผู้ประกอบการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า หันใช้ช่องทางออนไลน์ และช่องทางโซเซียลมีเดียเพิ่มมากขึ้น เพราะต้นทุนต่ำและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image