เมื่อวันที่ 22 มกราคม นายกฤชเทพ สิมลี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และ สายบางปะอิน-ปากเกร็ด ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการเจรจาแก้ไขปัญหาตามมติคณะกรรมการ(บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ที่จะขยายอายุสัญญาสัมปทาน ทางด่วนขั้นที่ 2 ช่วงพระราม9-ศรีนครินทร์ และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ออกไปอีก 37 ปี หลังสัญญาสัมปทานสิ้นสุด เพื่อลดภาระหนี้ข้อพิพาทที่ กทพ.จะต้องจ่ายเงินชดเชย 1.37 แสนล้านบาท ให้กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ซึ่งเบื้องต้นการขยายสัญญาสัมปทาน 37 ปีจะแลกกับหนี้จำนวนเท่าไหร่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดย กทพ.จะต้องนำเสนอผลการหารือและข้อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กทพ. ในวันที่ 23 มกราคมนี้ เพื่อสรุปความชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กทพ.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ศึกษาหลักการตามความเหมาะสม หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน
นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการตามกรอบการเจราจรระหว่าง กทพ.กับ บีอีเอ็ม ส่วนรายละเอียดต่างๆ ต้องรอผลการพิจารณาของบอร์ด กทพ.ก่อนจึงจะเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตามตนได้ชี้แจงมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับฯให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(สร.กทพ.)รับทราบแล้ว พร้อมจะชี้แจงให้พนักงาน กทพ.เข้าใจต่อไปด้วย
ด้านนายชาญชัย โพธิ์ทองคำ ประธาน สร.กทพ. กล่าวว่า จากการฟังคำชี้แจงของผู้ว่าการ กทพ.แล้ว ทราบว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับฯเห็นชอบกับแนวทางการเจราจรดังกล่าว ซึ่งถือว่าคำคัดค้านที่ผ่านมาของสร.กทพ.ไม่เป็นผล ดังนั้นในวันที่ 23 มราคม พนักงาน กทพ.จะนัดรวมตัวกันแต่งชุดดำเพื่อไปรอฟังคำชี้แจงของผู้บริหาร กทพ. และรอฟังผลที่ประชุมบอร์ด กทพ.ว่าจะพิจารณาชี้ชัดในเรื่องดังกล่าวอย่างไร ซึ่งหากยังเหมือนเดิมโดยไม่มีการปรับแก้ไขอายุสัมปทานจาก 37 ปี ให้เหลือไม่เกิน 30 ปี ทาง สร.กทพ.จะยกระดับการคัดค้าน โดยจะเดินทางเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดย สร.กทพ. จะเดินหน้าคัดค้านให้ถึงที่สุด แต่ยืนยันจะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้ทางด่วน และไม่คิดเอาประชาชนมาเป็นตัวประกันเรื่องนี้ โดยจะคำนึงถึงสภาพการจราจรเป็นสำคัญ
