เปิด พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ให้อำนาจ กสทช. บริหารวงโคจรดาวเทียม-อนุญาตใช้คลื่นความถี่ในหลายกิจการ

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่…) พ.ศ… ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเรียบร้อย โดยผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 และรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็จะสามารถใช้ได้จริง

พล.อ.ท.ธนพันธุ์กล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นสำคัญ รวมทั้งมีการแก้ไขในส่วนอื่นนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนด้วย โดยในส่วนการแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ นั้น พ.ร.บ. ฉบับนี้ได้กำหนดให้ กสทช.มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานด้านดาวเทียมทั้งหมด ซึ่งเป็นการทำหน้าที่แทนรัฐในการรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังกำหนดให้ กสทช.มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาอนุญาตและกำกับดูแลการประกอบกิจการโดยใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติเข้ามาให้บริการในประเทศ เป็นการเปิดกว้างให้มีทางเลือกในการใช้ประโยชน์ดาวเทียมที่หลากหลายลดการผูกขาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะเดียวกัน กฎหมายยังมีการกำหนดสัดส่วนการให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งต้องจัดให้มีการใช้คลื่นความถี่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือภาคประชาชน รวมกันในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 25% ของความสามารถในการส่งสัญญาณที่จะอนุญาตในแต่ละครั้ง

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.)

พล.อ.ท.ธนพันธุ์กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ยังมีการแก้ไขการถอดถอน กสทช. จากเดิมผ่านการลงมติของวุฒิสภา เป็นการดำเนินการโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มีหน้าที่และอำนาจไต่สวนและวินิจฉัยการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาหรือส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกด้วย

Advertisement

ส่วนเนื้อหาที่มีการแก้ไขในส่วนอื่นนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญฯ นั้น มีเรื่องการจัดเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้กรณีการแจ้งเหตุฉุกเฉิน ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจะไม่สามารถเรียกเก็บค่าบริการได้ และหากมีการโทรศัพท์ก่อกวนจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อรองรับการหลอมรวมทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม ซึ่งต่อไปคลื่นความถี่จะสามารถนำมาใช้ข้ามอุตสาหกรรมได้ ไม่จำเป็นเฉพาะเจาะจงว่าเป็นคลื่นที่ประมูลมาเพื่อใช้ในกิจการใดกิจการหนึ่งแต่เพียงอย่างเดียว หากคลื่นความถีนั้นถูกกำหนดในแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถีให้สามารถใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม ในระยะเริ่มแรกยังไม่มีผลใช้บังคับ จนกว่า กสทช.จะเสนอพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีผลใช้บังคับใช้ต่อไป

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image