ปรับกันจนโค้งสุดท้าย กับนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2562 ของนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ซึ่งกำลังจะเริ่มรับสมัครในวันที่ 22-27 กุมภาพันธ์นี้
เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบมาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัด สพฐ.ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
รายละเอียดสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ ที่เดิมมี 7 ข้อ ลดเหลือ 4 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน เนื่องจากเป็นข้อผูกพันเดิมของโรงเรียน
2.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้ และด้อยโอกาส 3.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ หรือผู้ประสบภัยพิบัติ ที่ต้องการได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ และ 4.นักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครู และบุคลากรของโรงเรียน
ส่วนที่ตัดออก 3 ข้อ ได้แก่ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.รับนักเรียนโควต้าตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ 3.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และเป็นการแก้ปัญหาการเรียกรับเงินเพื่อแลกที่นั่งเรียน หรือ แป๊ะเจี๊ยะ
รวมทั้งให้รับนักเรียนชั้น ม.3 เรียนต่อชั้น ม.4 ในโรงเรียนเดิมโดยอัตโนมัติทุกคน หากมีที่เหลือค่อยเปิดสอบคัดเลือกเด็กทั่วไปได้ ต่างจากเดิมที่ให้รับเด็กทั่วไป 20% ของแผนการรับนักเรียนชั้น ม.4 ซึ่งจะทำให้นักเรียนชั้น ม.3 ส่วนหนึ่งต้องหลุดออกจากโรงเรียนเดิม
ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกณฑ์รับนักเรียนใหม่นี้ จะแก้ปัญหา แป๊ะเจี๊ยะ ได้จริงหรือไม่ รวมถึง เกิดคำถามถึงคุณภาพการศึกษา หลังประกาศให้โรงเรียนรับนักเรียนชั้น ม.3 ขึ้นชั้น ม.4 อัตโนมัติ
สวัสดิ์ เพชรบูรณ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง มองว่า การเรียนชั้น ม.4-ม.6 ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่ต้องดูศักยภาพในการของนักเรียนด้วย เรื่องนี้นักการเมืองอาจไม่เข้าใจว่าการเรียนชั้น ม.4-ม.6 เป็นการเรียนเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย หากเด็กไม่พร้อม ก็อาจไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนของรัฐ รวมถึงจะกระทบกับการรับเด็กเข้าเรียนในสถาบันอาชีวศึกษาที่หลายแห่ง อาจถึงขั้นต้องปิดตัวลง ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของการศึกษาไทย
ทั้งนี้ เด็กไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนมัธยมปลายทุกคน เพราะประเทศไทยยังขาดผู้เรียนในสายอาชีพอีกหลากหลายสาขาที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
อีกทั้ง โดยปกติเด็กมัธยมต้นจะมากกว่าเด็กมัธยมปลาย หากให้โอกาสทุกคนเลื่อนชั้น ม.4 โรงเรียนเดิมได้อัตโนมัติ ก็อาจจะต้องขยายห้องเรียน ซึ่งก็ต้องถามกลับไปว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกันเด็กก็จะไม่ตั้งใจเรียน เพราะไม่ว่าเกรดเฉลี่ยจะ 0.4 หรือ 4.00 ก็ได้เรียนต่อชั้น ม.4 โรงเรียนเดิม ทำให้เด็กไม่ตั้งใจเรียน
ส่วนการปรับแก้เกณฑ์รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษออก 3 ข้อ ก็ไม่แน่ใจว่าจะทำให้การรับแป๊ะเจี๊ยะหมดไปได้หรือไม่ เพราะคิดว่าน่าจะมีวิธีอื่นในการรับฝากเด็ก แต่เท่าที่ได้คุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนดังหลายราย รู้สึกว่าการปรับแก้เกณฑ์ดังกล่าว เหมือนกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มองผู้อำนวยการโรงเรียนชั่วร้าย หรือคดโกง ทำให้หลายคนรู้สึกหดหู่ แต่คงไม่มีใครกล้าวิจารณ์
“การพัฒนาบางเรื่อง จำเป็นต้องให้ผู้ปกครองสนับสนุนช่วยเหลือ เพื่อให้เด็กได้เรียนอย่างมีศักยภาพ โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาอย่างเป็นธรรม เพราะ ศธ.เองไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหอวังให้ความเห็น”
ขณะที่ อดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เห็นสอดคล้องกันว่า การปรับแก้เกณฑ์รับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเหลือ 4 ข้อ ไม่ได้มีนัยสำคัญที่จะลดความเหลื่อมล้ำ หรือลดปัญหาการเรียกรับเงิน หรือ แป๊ะเจี๊ยะ ซึ่งไม่มีทางหมดไปได้ เพราะมีช่องทางอื่นๆ ในการรับ แป๊ะเจี๊ยะ อีกมากมายในระบบอุปถัมภ์ ที่ทำได้ในทางเทคนิค ซึ่งผมคงไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้
“ส่วนการรับนักเรียนชั้น ม.3 ขึ้นชั้น ม.4 โรงเรียนเดิมอัตโนมัติ ก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย คือทำให้มีการดูแลเด็กอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน โรงเรียนขาดโอกาสในการคัดเลือกเด็กเก่งเข้าเรียน ส่งผลให้ในอนาคต หากโรงเรียนอยากได้เด็กหัวกะทิเข้าเรียน ต้องไปเฟ้นหาตั้งแต่เด็กที่จะเข้าเรียนชั้น ม.1 ซึ่งจะทำให้การเข้าเรียนชั้น ม.1 มีการแข่งขันสูงขึ้น จากปัจจุบันที่แข่งขันสูงอยู่แล้ว” อดิศรสรุป
เรียกได้ว่า เสียงค้านจาก อดีตบิ๊กโรงเรียนดัง และ นักวิชาการด้านการศึกษา แรง และตรง !!
ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศใช้เกณฑ์รับนักเรียนใหม่นี้อย่างเป็นทางการ สพฐ.ยังมีโอกาสทบทวน ข้อดี ข้อเสีย โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของนักเรียน และคุณภาพการศึกษาเป็นสำคัญ ก่อนที่จะสายเกินแก้…