นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) เปิดเผยหลังการหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การส่งออกและค่าเงินบาทกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่า สรท. มีความกังวลแนวโน้มการขยายตัวส่งออกปีนี้อาจจะขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ สรท. ตั้งไว้ที่ 5% จากภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบจากสงครามการค้าที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นการส่งออกติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน โดยเดือนพฤศจิกายน 2561 ติดลบ 0.95% เดือนธันวาคม 2561 ติดลบ1.72% และเดือนมกราคม 2562 ยังติดลบ 5.65% ต้องติดตามว่าตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
“ผู้ส่งออกพยายามพัฒนาคุณภาพสินค้าและขยายตลาดประเทศใหม่ ๆ เผื่อผลักดันยอดการส่งออกและพยุงการส่งออกในไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2562 ไม่ให้ติดลบ และหลังจากที่ตัวแลขการส่งออกไตรมาสแรกออกมาจะมีการทบทวนตัวเลขการส่งออกปีนี้อีกครั้ง” นางสาวกัณญภัค กล่าว
นางสาวกัณญภัค กล่าวว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทขณะนี้อยู่ที่ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ากว่าช่วงก่อนหน้าราว 50-60 สตางค์ ทำให้ผู้ส่งออกสบายใจมากขึ้นซึ่งค่าเงินบาทที่อยากเห็นคือ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ อยากให้ ธปท. มีการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพไม่ผันผวนและเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคเพื่อให้ไทยยังแข่งขันได้ และแม้ผู้ส่งออกยังใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าขายเป็นส่วนใหญ่ แต่เริ่มเห็นการใช้การกำหนดราคาสินค้าในรูปเงินบาทหรือเงินสกุลคู่ค้าที่เป็นสกุลท้องถิ่นมากขึ้นเพื่อลดความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐจากการผลักดันของธปท. ปัจจุบันสามารถซื้อขายโดยตรงได้ 4 สกุล ได้แก่ ริงกิต-มาเลเซีย รูเปียห์-อินโดนีเซีย หยวน-จีน และเยน-ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม สรท. อยากให้ ธปท. มีการขยายสกุลเงินอื่นๆ ของอาเซียนให้ครบเพื่ออำนวยความสะดวกส่งออก เพราะปัจจุบันตลาดอาเซียน 9 ประเทศ เป็นตลาดหลักส่งออกของไทย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 25%
