นักลงทุนคลายกังวลการเมืองวุ่นวาย หุ้นเด้ง-บาทแข็ง รับข่าวยุบพรรคทษช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดที่ 1,625.51 จุด ระหว่างวันตลาดแกว่งตัวออกข้าง และพบว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ดัชนีปรับขึ้นทันที โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,635.77 จุด และต่ำสุด 1,623.32 จุด และ ปิดตลาดที่ 1,632.74 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,765.57 ล้านบาท โดยต่างชาติขายสุทธิ 569.83 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 533.30 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 355.08 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 748.05 ล้านบาท ซึ่งหุ้นที่มีการซื้อขายมากที่สุด ได้แก่ PTT CPALL PTTGC KBANK และ SCB

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทวันที่ 7 มีนาคม เปิดตลาดที่ 31.86 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเคลื่อนไหวอ่อนค่าไปสูงสุดที่ 31.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญลงมติวินิจฉัยยุบพรรคทษช. ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าทันที 31.76 บาทต่อดอลลาร์สหรับ และปิดตลาดที่ 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยขณะนี้ความไม่ชัดเจนทางการเมืองลดลงหลังจากที่มีการตัดสิน และจะไม่การยืดเยื้อกระทบไปยังพรรคอื่น ทำให้ตลาดมีความั่นใจต่อสถานการณ์การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าแนวโน้มค่าเงินบาทใรนระยะต่อไปช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน คาดว่าจะอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะแม้การเลือกตั้งจะแล้วเสร็จแต่ยังอยู่ในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการเจรจาสงครามการค้าคาดว่าจะไปชัดเจนครึ่งปีหลัง ประกอบกับเป็นช่วงจ่ายเงินปันผลซึ่งต่างชาติจะมีการนำผลกำไรส่งกลับ ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังหากรัฐบาลชัดเจน และประกอบปัจจัยเศรษฐกิจโลกคลี่คลายมากขึ้น เงินทุนจะไหลกลับเข้ามาทั้งหุ้นและพันธบัตร คาดเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นทั้งปีนี้สุทธิ 1 แสนล้านบาท และไหลเข้าพันธบัตรราว 5 หมื่นล้านบาท และประเมินค่าเงินบาทสิ้นปีที่ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image