เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) พรรคเพื่อชาติ (พช.) จัดปราศรัยใหญ่ “5 เหตุผลกับภารกิจฝ่ายประชาธิปไตย ส่งประยุทธ์กลับบ้าน” ประกอบด้วย 1.ประยุทธ์ไร้ซึ่งภาวะความเป็นผู้นำ 2.ประยุทธ์ล้มเหลว และไม่สามารถทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยได้เต็มใบ 3.ประยุทธ์ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตลอดระยะเวลา 5 ปี 4.ประยุทธ์ใช้กฎหมายเพื่อเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ และ 5.ประยุทธ์ล้มเหลวในการปราบทุจริตคอรัปชั่น โดยมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค นางลลิตา ฤกษ์สำราญ รองหัวหน้าพรรค นายอารี ไกรนรา ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคทั้ง 30 เขต และสมาชิกพรรครวมเวทีปราศรัย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัด มีประชาชนร่วมฟังการปราศรัยกว่า 1000 คน
โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคพช. ได้ส่งคลิปมาแทนการขึ้นเวที เนื่องจากไม่สามารถเดินทางมาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ทัน โดยคลิปดังกล่าว นายยงยุทธ กล่าวว่า เราอยากให้ทุกคนหันหน้าเข้าพูดคุยกัน เพราะเราติดกับดักมา 13 ปีแล้วนับตั้งแต่การทำรัฐประหารครั้งแรก เมื่อทหารกลับกรมกองแล้ว ถึงเวลาที่ต้องมาคุยกัน และตนเชื่อว่า นโยบายเกาะกลางของพรรคพช. คือนโยบายที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ต้องลดการผูกขาดตัดตอนในประเทศให้หมด วันนี้จำเป็นต้องตัดสินใจ ต้องบอกกับทุกคนว่าเราต้องเลือกระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย
เวลา 19.25 น. นายสงคราม ขึ้นปราศรัยว่า ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา พวกเราประชาชนคนไทยต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากจน ยอดขายลดลงกว่าครึ่ง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ นี่คือผลจากการรัฐประหาร วันนี้เราจึงมาเพื่อส่งให้ลุงตู่กลับบ้าน เพราะถ้าลุงยังอยู่เราจะไม่ได้แค่บัตรคนจน แต่เราจะได้บัตรขอทาน เขาเอาเศษเงินมาหลอกเราทั้งที่มันเป็นเงินภาษีของเราที่จะกลายไปอยู่ในกระเป๋าของเจ้าสัว หากท่านยังยอมให้เขาหลอก ให้เอาเงินมาล่อ อีก 4 ปีข้างหน้าท่านอาจจะได้บัตรขอทาน วันที่ 24 มีนาคมได้เวลาใช้ปลายปากกาส่งประยุทธ์กลับบ้านเก่า ขอให้พวกเราร่วมแรงร่วมใจไล่เผด็จการออกจากบ้านเรา
จากนั้นเวลา 20.00 น. นายจตุพร ขึ้นปราศรัยว่า ตนมีความตั้งใจที่จะเห็นพี่น้องผองเพื่อนผู้สมัครกทม.ทั้งหมดได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภา ตนรู้ว่ากาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความยากลำบากที่สุด ตนกับนายสุเทพเคยปะมือกันในสภามาแล้ว เมื่อคืนนายสุเทพประกาศว่าต้องสนับสนุนพล.อ.ประยุทธเป็นลูกน้องเก่าก็เพิ่งรู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นลูกน้องนายสุเทพ บอกพล.อ.ประยุทธ์ขาดอีก 126 เสียง ให้มาเอาที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) คราวนี้ได้เวลาล้างบางคสช.กันแล้ว ทั้งนี้อานุภาพของบัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้พรรคการเมืองเดินไปได้ไม่ถึงครั้งอีกต่อไป ถ้าเดินไปถึงครึ่งพรรคการเมืองนั้นก็จะไม่ได้บัญชีรายชื่อแม้อต่คนเดียว เป้าหมายของเราคือ 376 เสียง และตุ่มพรรคพช.ยังว่างอยู่มากมายพอที่พี่น้องจะเลือกคนของพรรตพช.ไปใส่ตุ่ม คะแนนจะได้ไม่หายไปไหน แต่ยังอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย วันนี้นายสุเทพได้กลิ่นอายความพ่ายแพ้ ที่ต้องหนุนพล.อ.ประยุทธ์เพราะคดีนายสุเทพมีเป็นหางว่าว จึงต้องไปปลุกมวลชนของเขาขึ้นมา เขาต้องการสืบทอดอำนาจถึงขนาดพล.อ.ประยุทธ์ยอมปรับปรุงบุคลิกกลายเป็นลุงตู่ที่อ่อนหวาน ยิ้มง่าย ถ่ายรูป 7 ท่า 7 วัน ทำไปได้ ไม่ดูสารรูป กติกาแม้พล.อ.ประยุทธ์ตั้งส.ว.ได้ 250 คน แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ว่า เมื่อตั้งรัฐบาลแล้วส.ว.ไปคุล้มครองไม่ได้ และกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในกี่วัน ดังนั้น ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์แถลงนโยบาย เราจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีพล.อ.ประยุทธ์ก็พังทันที ทั้งนี้ เป็นความจำเป็นที่ต้องส่งพล.อ.ประยุทธ์กลับบ้านเพราะส.ว.มีวาระ 5 ปี สามารถตั้งนายกฯได้ 2 ครั้ง ถามว่า 5 ปีที่ผ่านมาประเทศเสียหายมากพอหรือยัง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า พี่น้องที่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ต้องการพล.อ.ประยุทธ์ ขอให้พี่น้องเลือกพรรคพช. ในพื้นที่กทม. ทั้ง 30 เขต จงไว้วางใจพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอย่างพรรคพช. คนที่จะจัดการเผด็จการได้ดีที่สุดคือกรุงเทพมหานคร เพราะสมรภูมิอยู่ที่นี่ ตนไม่ชวนใครออกไปชุมนุม ไปล้มเจ็บล้มตายอีกแล้ว แต่ตนชวนวันที่ 24 มีนาคม ออกไปสู้ด้วยการเลือกตั้ง คนกรุงเทพมีหน้าที่จัดการเผด็จการ เป็นสัญญาหัวใจกัน ยกกันไปเลือกพรรคพช.ให้หีบแตก พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับบ้านไป ไม่ว่าอดีตท่านอาจจะเคยเป่านกหวีด เราพร้อมจะลืมมันไป วางนกหวีดท่านลง แล้วมาปราปรามเผด็จการด้วยกัน เผด็จการไปเร็ว 1 วัน ความเจริญก็มาเร็ว 1 วัน เผด็จการไปเร็วกี่วัน ความเจริญก็มาเร็วเท่านั้น ดังนั้น เราต้องช่วยกันให้เผด็จการจากไปเร็วๆ เพื่อความเจริญจะได้เกิดขึ้น เรามีทางหยุดยั้งเผด็จการได้ด้วยตัวเราเอง 24 มีนาคม ไปจัดการคสช.ในคูหาเลือกตั้ง ฆ่าเผด็จการ สร้างประชาธิปไตยด้วยกันด้วยการเลือกพรรคพช.
