เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 26 มีนาคม ร.ต.อ.วิทวัส กองคำ รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองยโสธร รับแจ้งเหตุคนร้ายงัดบ้านหรูภายในซอยวิทยะธำรงค์ 10 เขตเทศบาลเมืองยโสธร จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.วรวุทธิ์ ท่านมุข สว.สส.สภ.เมืองยโสธร ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนสองชั้น เลขที่ 380/9 ต.ในเมือง อ.เมืองยโสธร บริเวณห้องนอนชั้นล่างถูกรื้อค้นสิ่งของกระจาย กระปุกเงินเหรียญถูกเปิด ส่วนบริเวณห้องครัวพบประตูเหล็กหลังบ้านถูกงัด ใกล้กับโต๊ะรับประทานอาหารพบกล่องบันทึกภาพวงจรปิดถูกทุบทำลายและฮาร์ดดิสบันทึกภาพกล้องวงจรปิดสูญหาย ส่วนบริเวณห้องนอนชั้นสองพบเสื้อผ้าและสิ่งของรื้อค้นเกลื่อนห้อง ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าสร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 บาทหายไป
สอบถามนายพิชัย วงษ์วาสน์ อายุ 61ปี อดีตข้าราชการ เปิดเผยว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของลูกสาว ที่ทำงานอยู่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในเขตเทศบาลเมืองยโสธร ปกติบ้านหลังดังกล่าวจะอยู่ด้วยกัน 3 คน มีตน ลูกสาวและหลานชาย โดยลูกสาวจะออกไปทำงานทุกวัน ส่วนปกติตนจะอยู่บ้านกับหลานชายทุกวัน แต่วันเกิดเหตุลูกสาวตนออกไปทำงานเวลา 07.40 น.เป็นประจำทุกวัน ส่วนตนได้ออกจากบ้านเวลา 09.20 น.พาหลานชายไปเที่ยวสวนน้ำที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด จึงได้ปิดล็อกบ้านไว้อย่างดี กระทั่งกลับมาถึงบ้านพักในเวลา 17.00 น.ได้กลับเข้าถึงบ้านโดยเปิดประตูเข้าบ้านปกกติ จากนั้นได้กวาดบ้านไปถึงห้องครัวพบกล่องบันทึกข้อมูลกล้องวงจรปิดตกอยู่พื้นถูกทุบจนพัง จากนั้นได้วิ่งไปดูทุกห้องพบสิ่งของถูกรื้อค้นกระจายไปทั่วห้อง ต่อมาได้ขับรถไปหาลูกสาวอยู่ที่งานว่าบ้านพักถูกรื้อค้น ส่วนทรัพย์สินที่ตรวจดูเบื้องต้นพบสร้อยข้อมือของลูกสาวน้ำหนัก 1 บาท ที่เอาไว้ในห้องนอนหายไป อย่างไรก็ตามเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาเคยมีโจรขึ้นบ้านมาแล้วและขโมยทองคำน้ำหนักกว่า 10 บาทและกระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาทหายไปแต่ไม่สามารถตามจับคนร้ายได้ จึงเป็นเหตุให้ลูกสาวตนได้ติดกล้องวงจรปิดไว้ทั่วบ้านแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะคนร้ายได้ขโมยฮาร์ดดิสบันทึกภาพกล่องวงจรปิดไปด้วย
ร.ต.อ.วิทวัส กล่าววาเบื้องต้นจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบรายนิ้วมือแฝงของคนร้าย เพื่อตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่าเคยมาดูลาดเลา ก่อนรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดคอยจับภาพความเคลื่อนไหวภายในบ้าน กระทั่งลงมือก่อเหตุช่วงคนไม่อยู่
