บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง ไอบีเอ็ม ประยุกต์ใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล (เอชอาร์) เช่น การประเมินทักษะบุคลากร การวางแผนความก้าวหน้าทางอาชีพ การคำนวณอัตราเงินเดือน รวมถึงแนวโน้มว่าพนักงานคนไหนเสี่ยงจะลาออกเร็วๆ นี้
จินนี โรเมตตี ซีอีโอของไอบีเอ็ม ผู้ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์จูน ให้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากสุดในโลกธุรกิจ ปี 2017 ระบุว่า แนวทางที่เคยใช้แบบเดิมๆ ในด้านทรัพยากรบุคคลนั้น ใช้ไม่ได้กับแรงงานอเมริกันอีกแล้ว ต้องมีแมชชีนเลิร์นนิงเป็นผู้ช่วย ซึ่งขณะนี้เอไอได้เข้ามาแทนที่การทำงานด้านทรัพยากรบุคคลไป 30%
ทั้งนี้ โรเมตตียังระบุว่า การมีพนักงานถึงประมาณ 350,000 คน ใครจะรู้ได้ว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังหาตำแหน่งใหม่ ซึ่งเอไอของไอบีเอ็ม สามารถทำนายได้อย่างแม่นยำถึง 95% ว่าใครกำลังวางแผนที่จะลาออกจากงาน ซึ่งความสำเร็จนี้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม การลดกำลังคนด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกลง 30% เพื่อรักษาคนในตำแหน่งที่จ่ายสูงกว่า และสามารถทำงานที่มีมูลค่าสูงกว่าได้ ส่วนเอไอ นอกจากจะต้องสามารถฝึกให้มันทำได้ทุกอย่างที่คนทำได้แล้ว ยังมีบทบาทสำคัญกว่าในอนาคตคือ การรักษาพนักงานให้มีความก้าวหน้าทางอาชีพที่ชัดเจน และระบุทักษะที่แต่ละคนมีความถนัดได้อย่างชัดเจน
โรเมตตีเห็นว่า ยุคใหม่ด้านทรัพยากรบุคคล ที่มีเอไอเป็นศูนย์กลางจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทีมทรัพยากรบุคคลที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเครื่องจักร ซึ่งช่วยให้สามารถตระหนักถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของทรัพยากรของแต่ละบุคคลที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้
เมื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ มีบทบาทต่อวิถีชีวิตของผู้คนและเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจมากขึ้น ทุกองค์กรรวมถึงพนักงานในองค์กรจึงต้องเตรียมตัว พัฒนาศักยภาพ และทำความเข้าใจนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีแห่งอนาคต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้
นายมะดัน