จากกรณีที่นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความต้องการผลผลิตทุเรียนทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก เพราะเกรงจะประสบปัญหาเช่นเดียวกับยางพาราที่ราคาตกต่ำเพราะมีการปลูกกันทั้งประเทศ เนื่องจากพบว่ามีการปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.49 เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาทุเรียนมีราคาดี เกษตรกรได้โค่นไม้ผลอื่นหันมาปลูกทุเรียนแทนกันทั่วประเทศ และจะให้ผลผลิตในอีก 4 -5 ปีข้างหน้า
ล่าสุดวันนี้ (24 เม.ย. 2562) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลเรื่องนี้ไปยังนายสุรินทร์ สินกัน เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 บ้านคอกช้าง ต.ในวงเหนือ อ.ละอุ่น จ.ระนอง โดยนายสุรินทร์ ได้บอกว่า บริบทของทุเรียนกับยางพาราและพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ นั้นต่างกัน เมื่อราว 5-6 ปีที่ผ่านมา เราก็ได้ยินข่าวกันในเรื่องที่มีเกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนกันมากขึ้น ซึ่งมาถึงวันนี้ราคาทุเรียนก็ไม่ได้ตกต่ำลง แต่จากสถิติที่เก็บกันเอาไว้ได้แสดงให้เราได้เห็นว่าทุเรียนราคาดีขึ้น เนื่องจากเราปลูกและผลิตทุเรียนคุณภาพ อีกทั้งความต้องการของตลาดมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนจากบ้านในวง คือ 2 ตำบลในพื้นที่ ประกอบด้วย ตำบลในวงเหนือ และตำบลในวงใต้ เป็นการปลูกทุเรียนคุณภาพเพื่อการส่งออกทั้งหมด และข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานเกษตรจังหวัดระนอง มูลค่าผลผลิตทุเรียนของเรามีสูงถึงเกือบ 1 พันล้านบาท
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากการปลูกทุเรียนที่มากขึ้นในประเทศแล้ว ยังได้ยินข่าวการเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียนในประเทศเพื่อนบ้านของเราด้วย แต่ผลผลิตที่ได้กลับแตกต่างกันในรสชาติและกลิ่น ทำให้เรายังคงมีความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพของทุเรียน ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการทำสวนยางพารา เพราะยางพาราปลูกแล้วตายยาก มีการกักตุนสินค้าได้ กำลังการซื้อในภาคอุตสาหกรรมลดลง แต่ทุเรียนนั้นมีปัญหาเรื่องการตายของต้น ผลผลิตกักตุนไม่ได้ อีกทั้งความต้องการบริโภคในตลาดต่างประเทศยังสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราไม่ได้รู้สึกกังวลกับตลาดทุเรียน แต่ขึ้นอยู่กับการดูแลและควบคุมคุณภาพผลผลิตทุเรียนที่ออกมามากกว่า เพราะหากเราสามารถทำได้ดีแบบนี้ก็คงไม่ต้องกลัวอะไร
