กลุ่มไทยซัมมิท ลุยอสังหาฯปรับโครงสร้าง ‘เรียลเอสเสท’ ลุยซื้อรร.-สนง.เพิ่มพอร์ตรายได้ แต่งตัวรอไอพีโอปี’65

นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หนึ่งในธุรกิจในเครือกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท เปิดเผยแผนธุรกิจว่า บริษัทจะเปิดโครงการใหม่เฉลี่ยปีละ 3 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ เพื่อกระจายการสร้างรายได้ ตั้งงบประมาณซื้อที่ดินใหม่ปีละ 3,000 ล้านบาท ขณะนี้มีที่ดินย่านรัชดาภิเษกอยู่ระหว่างการเจรจา พื่นที่ 4 ไร่ ราคาเฉลี่ย 700,000 ต่อตารางวา สำหรับปี 2562 ยังไม่มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังต้องติดตาม โดยจะเปิด 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด มูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เดอะเซ็น กิ่งแก้ว เป็นทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว พื้นที่กว่า 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการ วิรัณยา บางนา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว พื้นที่กว่า 40 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท

“กลยุทธ์หลักการพัฒนาโครงการจะเลือกพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพ สอดค้องตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษานำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ในโครงการ อาทิ ระบบการจดจำใบหน้า (เฟซ เรคคอกนิชั่น) เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการเข้าออกโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ การใช้โดรนเพื่อดูแลพื้นที่ส่วนกลาง เช่น หญ้า รวมทั้ง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เป็นต้น โดยจะเริ่มทยอยนำมาใช้ต่อไป ทั้งนี้ ยังได้สร้างการรับรู้แบรนด์เรียลแอทเสทให้กับลูกค้ามากขึ้น โดยร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป เพื่อเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของโรงภาพยนตร์ IMAX Quartier CineArt ภายในศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์” นายบดินทร์ธร

นายบดินทร์ธร กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย ยอดขาย 2,700 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 2,700 ล้านบาท ส่วนแผนการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขาย(ไอพีโอ) มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน(เอฟเอ) คาดว่าภายในปี 2565 ที่คาดจะมียอดขาย 7,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 4,000-5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างเพื่ออาคารสำนักงานไทยซัมมิทเข้ามาเป็นสินทรัพย์ของบริษัท คาดมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท และจะนำอพาร์ทเม้นต์ในกรุงลอนดอน อังกฤษ มูลค่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของครอบครัวเข้ามาเป็นทรัพย์สินบริษัทเช่นกัน และจะเพิ่มพอร์ตรายได้จากประจำ จากการซื้อโรงแรมหรือสำนักงานเข้ามาเพิ่มเติม โดยจะมีการนำสินทรัพย์ที่มีรายได้จากการเช่าจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(รีท) นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสธุรกิจใหม่ ได้แก่ อินดัสเทรียลโลจิสติกส์ ตามแนวโน้มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวดี ธุรกิจสปอร์ตคอมเพล็กซ์ และพาร์ค รองรับกลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มครอบครัว เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image