ยิ่งใหญ่ 3 ริ้วขบวน พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 

ในวาระมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงเข้ารับการบรมราชาภิเษก เพื่อทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นในวันที่ 4-5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562

หนึ่งในพิธีการสำคัญ ซึ่งมีคนร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ต้องรวมใจและกายเป็นหนึ่งเดียว คือการเดิน ‘ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ’ เพื่อให้ภาพออกมาพร้อมเพรียง สง่างาม และสมพระเกียรติที่สุด โดยแบ่งเป็น 3 ริ้วขบวน ดังนี้

ริ้วขบวนที่ 1
แห่พระสุพรรณบัฏ

Advertisement

วันที่ 3 พฤษภาคม ประมาณเวลา 10.00 น.ผู้แทนพระองค์จะเป็นผู้อัญเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ และพระราชลัญจกรขึ้นพระราชยานกง อัญเชิญจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นำไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล พระที่นั่งไพศาลทักษิณ รวมระยะทาง 220 เมตร

ริ้วขบวนที่ 1 เกิดขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังทั้งหมด ซึ่งมีพื้นที่จำกัด และไม่มีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนิน ริ้วขบวนนี้จึงเล็กและสั้นกว่าริ้วขบวนอื่นๆ แต่สมพระเกียรติ โดยในริ้วขบวนจะมีกำลังพลจากโรงเรียนเตรียมทหาร, หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, กองทัพบก, กองทัพเรือ, สำนักพระราชวัง รวม 133 นาย ถือเครื่องดนตรีและเครื่องสูง ถวายพระราชอิสริยยศ ได้แก่ กลองเงิน กลองทอง แตรฝรั่ง แตรงอน สังข์ เครื่องสูงหน้า เครื่องสูงหลัง และหามพระราชยานกง

Advertisement

ริ้วขบวนที่ 2
ทรงประกาศเป็นพุทธศาสนูปถัมภก

วันที่ 4 พฤษภาคม ประมาณเวลา 16.00 น. หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีสรงน้ำพระมุรธาภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคมแล้ว จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเวลานั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯโดยขบวนราบใหญ่ เพื่อทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไปยังพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก จากนั้นเสด็จฯ ไปปราสาทพระเทพบิดร ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ก่อนประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯจากพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ถวายบังคมพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการี เป็นอันเสร็จสิ้นริ้วขบวนที่ 2 รวมระยะทาง 465 เมตร

ริ้วขบวนที่ 2 เกิดขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังทั้งหมดเช่นกัน ริ้วขบวนนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากริ้วขบวนที่ 1 และสมพระเกียรติ โดยในริ้วขบวนจะมีกำลังพลจากโรงเรียนเตรียมทหาร, หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, หน่วยราชการในพระองค์, กองทัพบก, กองทัพเรือ, สำนักพระราชวัง รวม 343 นาย ถือเครื่องดนตรีและเครื่องสูงถวายพระราชอิสริยยศ ได้แก่ กลองมโหรทึก กลองชนะเงิน กลองชนะทอง แตรฝรั่ง แตรงอน สังข์ ธงสามชาย ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้า ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง ริ้วขบวนนี้ยังเดินเป็นจังหวะ ตามจังหวะกลอง

ริ้วขบวนที่ 3
พยุหยาตราสถลมารค

วันที่ 5 พฤษภาคม ประมาณเวลา 16.30 น.หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์แล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเวลานั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ โดยขบวนพยุหยาตราสถลมารค ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน และพระบรมราชสรีรางคาร

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ออกทางประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ถึงแยกผ่านพิภพ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ถึงแยกคอกวัว เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาว ถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงนมัสการพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ ถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

จากนั้นประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯไปตามเส้นทางถนนพระสุเมรุ ถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านแยกคอกวัว ถึงแยกผ่านพิภพ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอัษฎางค์ ถึงวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงนมัสการพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถ และถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7

ต่อมาประทับบนพระราชยานพุดตานทอง เสด็จฯไปตามเส้นทางถนนเฟื่องนคร ถึงแยกสี่กั๊กพระยาศรี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจริญกรุง ผ่านกองพันทหารราบ ศูนย์การกำลังสำรอง ถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม การนี้ทรงนมัสการพระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถ และถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ก่อนเสด็จฯไปตามเส้นทางถนนท้ายวัง เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนมหาราช และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน เข้าประตูวิเศษไชยศรี ถึงพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นอันเสร็จสิ้นริ้วขบวนที่ 3 รวมระยะทาง 6.77 กิโลเมตร และคาดว่าจะใช้เวลาเดินริ้วขบวนที่ 3 ทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง 30 นาที

ริ้วขบวนยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ

ริ้วขบวนที่ 3 เป็นริ้วขบวนเดียวที่มีเส้นทางออกนอกพระบรมมหาราชวัง ไปยังจุดต่างๆ ในเกาะรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ และมีบุคคลสำคัญร่วมในริ้วขบวนนี้ด้วย อาทิ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง, พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 พร้อมรองนายกรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ

ในริ้วขบวนยังมีกำลังพลจากโรงเรียนเตรียมทหาร, หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, หน่วยราชการในพระองค์, กองทัพบก, กองทัพเรือ, สำนักพระราชวัง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 1,336 นาย ถือเครื่องดนตรีและเครื่องสูง ถวายพระราชอิสริยยศ

ริ้วขบวนแบ่งเป็นตอนๆ เริ่มจากนายตำรวจขี่ม้านำ วงดุริยางค์วงนำ นายทหารประจำ บก.กองผสม กองพันทหารเกียรติยศนำ กลองมโหระทึก ธงสามชาย กลองชนะเขียวลายเงิน กลองเงิน กลองชนะแดงลายทอง กลองลายทอง แตรฝรั่ง แตรงอน สังข์ ตอนคณะอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 และผู้นำเหล่าทัพ ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหน้า ฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางหลัง ส่วนพระราชยาน วงดุริยางค์วงตาม กองพันทหารเกียรติยศตาม

ที่สำคัญยังได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำนวน 6 บทเพลง มาบรรเลงโดยวงดุริยางค์ระหว่างเดินริ้วขบวน ได้แก่ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ เพลงใกล้รุ่ง ยามเย็น สรรเสริญเสือป่า และสรรเสริญพระนารายณ์

ทั้งนี้ ในทั้ง 3 จุดที่หมาย จะมีทหารกองเกียรติยศยืนตั้งแถวรอรับเสด็จ เพื่อถวายความเคารพและบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

ริ้วขบวนที่ 3 มีความยาวทั้งสิ้น 403.5 เมตร แม้จะเป็นริ้วขบวนที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุด แต่ก็สามารถก้าวเท้าได้อย่างพร้อมเพรียง เพราะในการก้าวเดินมีการกำหนดจังหวะไว้ที่ 75 ก้าวต่อนาที ก้าวเท้ายาว 40 เซนติเมตรต่อก้าว นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีมาช่วยการกระจายเสียงพร้อมกันทุกจุด ไม่ให้มีเสียงดีเลย์ เพื่อให้การก้าวเท้าตั้งแต่แถวหน้าสุดจนถึงหลังสุดพร้อมเพรียงกัน เพื่อปรากฏเป็นภาพความเข้มแข็งและยิ่งใหญ่ สู่สายตาพสกนิกรไทยและคนทั่วโลก

เปิดให้ประชาชนเฝ้าฯ
ชื่นชมพระบารมี 5 พ.ค.

ตามโบราณราชประเพณีให้ความหมายการเสด็จเลียบพระนครไว้ คือการที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จะได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ราษฎร ขณะเดียวกันเป็นการเปิดโอกาสให้ราษฎรได้เฝ้าฯ ชื่นชมพระบารมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ในการเสด็จฯโดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพยุหยาตราสถลมารคเสด็จเลียบพระนครหนนี้ มีการจัดพื้นที่ให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า สามารถนั่งเฝ้าฯรับเสด็จได้ริมขอบทางถนนที่ริ้วขบวนผ่าน

โดยประชาชนสามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะมายังจุดต่างๆ รอบพื้นที่การจัดงาน ก่อนเดินเท้าเข้ามาผ่านจุดคัดกรองประชาชน ซึ่งเปิดให้เริ่มเข้าในพื้นที่ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม มีการตรวจบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตและสิ่งของ ก่อนให้ผ่านเข้าไปจับจองพื้นที่นั่งเฝ้าฯรับเสด็จได้ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image