“เคจีไอ”เผยการเมืองยังกดดันตลาด คาด 9 พ.ค.นี้ชัดเจนรัฐบาลใหม่ แนะเลือกลงทุนหุ้นรายตัว (มีคลิป)

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ปัจจัยในประเทศยังมีความสำคัญ โดยการเมืองไทยยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะสั้น ซึ่งประเมินว่าหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองสส.ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ น่าจะเห็นความชัดเจนของการเมืองไทย คาดว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ขึ้น ถึงแม้ในขณะนี้จะยังมีความไม่ชัดเจนของจำนวนสส. เนื่องจากต้องรอกกต.สรุปเรื่องร้องเรียนก่อน ประกอบกับสูตรการคำนวณสส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าฐานพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)น่าจะสามารถรวบรวมเสียงและจัดตั้งรัฐบาลได้

สำหรับเรื่องเงินบาทไทยที่อ่อนค่าลงแตะระดับ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน มองว่าในระยะสั้นเงินบาทยังมีแนวโน้มทรงตัวและอ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทย แต่เกิดจากภาวะทั่วโลกที่สกุลเงินเกือบทุกสกุลอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสหรัฐ หลังจากปัจจัยสนับสนุนค่าเงินสหรัฐชัดเจนขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อาทิ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาดหลายตัว ประกอบกับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ที่ล่าสุดยังไม่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด โดยหากมองในเชิงบวกแล้วเงินบาทที่อ่อนค่าลงน่าจะลดแรงกดดันต่อภาคส่งออกของไทย ที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้

นายรักพงศ์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยต่างประเทศให้น้ำหนักไปที่ราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง โดยปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับฐานค่อนข้างแรง สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากตัวเลขสำรองน้ำมันดิบสหรัฐอยู่ในระดับสูง และตลาดกำลังจับท่าทีของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบีย หลังจากสหรัฐกลับมาตั้งเป้ากดดันการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน โดยมองว่าทิศทางราคาน้ำมันดิบน่าจะทรงตัวอยู่ในกรอบแคบ หลังจากปรับขึ้นมาค่อนข้างแรงและอยู่ใกล้เป้าหมายที่เคจีไอเคยให้ไว้และสอดคล้องกับที่ตลาดมองไว้ในระดับ 67-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมถึงการรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปี 2562 ของสหรัฐ ซึ่งพบว่าผลออกมามีความแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยปรับเพิ่มขึ้น 3.2% ส่งผลให้ตลาดการเงินลดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐไปได้ค่อนข้างมาก

“กลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนนี้เป็นช่วงที่มีการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน จึงเชื่อว่าหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการโดดเด่นหรือมีประเด็นบวกเฉพาะตัว รวมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐออกมาในเดือนนี้ น่าจะมีความโดดเด่นมากกว่าหุ้นที่มีขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นไทย”

Advertisement

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image