เมื่อวันที่10 พฤษภาคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ31.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ31.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปิดรับความเสี่ยง(Risk Off) เริ่มที่ฝั่งยุโรปดัชนีFTSE100 ของอังกฤษลดลง0.87% พร้อมกับดัชนีSTOXX50 ที่ดิ่งหนักถึง1.95% มีเพียงS&P500 ของสหรัฐเท่านั้นที่ฟื้นตัวเหลือติดลบเพียง0.30% หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐส่งสัญญาณว่าได้เตรียมทางเลือกที่ดีให้จีนกับสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าไว้แล้วในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจแม้ยอดขาดดุลการค้า(Trade Deficit) ในสหรัฐเดือนล่าสุดจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่พบว่าการขาดดุลการค้ากับจีนลดลงเหลือเพียง2.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ5 ปีปัจจัยนี้อาจเป็นเหตุผลที่หนุนให้สหรัฐกล้ากดดันจีนในสงครามการค้าต่อไปเช่นเดียวกันกับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ในสหรัฐ(Initial Jobless Claims) ที่ลดลงเหลือเพียง2.28 แสนรายก็สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลงด้วย
นายจิติพล กล่าวว่า เงินบาทระยะสั้นยังถือว่าเป็นหนึ่งในสองสกุลเงินเอเชีย สามารถที่ปรับตัวแข็งค่าได้ในภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนอีกสกุลเงินหนึ่ง คือ เยน ญี่ปุ่น เป็นสัญญาณว่าเงินบาทจะไม่ใช่สกุลเงินที่ถูกกดดันหนักในช่วงสุดสัปดาห์นี้ไม่ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้หรือไม่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าความเสี่ยงของตลาดการเงินไทยอยู่ที่ภาพเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดเอเชียและเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวทั้งสองปัจจัยสามารถกดดันตลาดทุนภายในประเทศให้เผชิญกับแรงขายต่อเนื่องได้เช่นเดียวกับในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่มีเงินทุนไหลออกจากนักลงทุนต่างชาติทั้งตลาดหุ้น6.7 พันล้านบาทและพันธบัตร(บอนด์) 4.5 พันล้านบาทคาดกรอบค่าเงินบาทวันนี้31.70 – 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายจิติพล กล่าวว่า การเคลื่อนไหวสกุลเงินในเอเชียเทียบตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปัจจุบัน เยน ญี่ปุ่นแข็งค่า 1.37% เงินบาทแข็งค่า 0.49% ดอลลาร์สิงคโปร์ อ่อนค่า 0.23% ริงกิต มาเลเซีย อ่อนค่า 0.45% รูปี อินเดีย อ่อนค่า 0.56% เปโซ ฟิลิปปินส์อ่อนค่า 0.73% รูเปียห์ อินโดนีเซีย อ่อนค่า 0.74% วอน เกาหลีใต้ อ่อนค่า 1.05% และหยวน จีน อ่อนค่า 1.35%
