นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับองค์กรความร่วมมือต่างประเทศเยอรมัน (จีไอแซด) จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือโครงการ Thai Rice NAMA ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 14.9 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 600 ล้านบาท จากรัฐบาลประเทศเยอรมัน รัฐบาลสหราชอาณาจักร รัฐบาลเดนมาร์กและสหภาพยุโรป ผ่านโครงการ NAMA Facility มีระยะเวลาโครงการ 5 ปี ระหว่าง 2561- 2566 สำหรับพัฒนาการผลิตข้าวของเกษตรกร 100,000 ครัวเรือน ในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และสุพรรณบุรี รวม 2.8 ล้านไร่ เป้าหมายเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนระบบการทำนาในปัจจุบันไปสู่ระบบการทำนาแบบยั่งยืน และ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น
นางสาวดุจเดือน กล่าวว่า โครงการมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1.ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมแก่เกษตรกรทั้งการทำนาแบบลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการผลิตข้าวที่ได้มาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน 2.พัฒนาและขยายธุรกิจการให้บริการเทคโนโลยีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการทำนา และ3.มีมาตรการจูงใจที่สนับสนุนให้ภาคการผลิตข้าวทั้งระบบเป็นไปในรูปแบบที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการร่วมมือครั้งนี้หวังลดก๊าซเรือนกระจก 25% ภายในปี 2573
นางสาวดุจเดือน กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ จีไอแซด และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ซึ่งช่วยในการปล่อยสินเชื่อสีเขียวให้แก่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงร่วมกับกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน และกรมพัฒนาที่ดิน และภาคเอกชน คาดว่าเกษตรกรและผู้ให้บริการเทคโนโลยีได้ประโยชน์จากโครงการ 454,200 คน เป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกนาปรังประมาณ 2.8 ล้านไร่ และนาปี 2.8 ล้านไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตสูงสุด 4 ล้านตันต่อปี
“การดำเนินการโครงการนี้เน้นให้เกษตรกรรายย่อยปรับเปลี่ยนวิธีการทำนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพันธุ์ข้าวและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับพื้นที่ ปลูกแบบเปียกสลับแห้ง การใส่ปุ๋ยตาม ค่าวิเคราะห์ดิน การจัดการฟางและตอซังเพื่อลดการเผา และอื่นๆ ซึ่งจะประหยัดน้ำและลดน้ำท่วมในแปลงลง โดยมีแผนขยายผลในพื้นที่อื่นต่อไป “นางสาวดุจเดือน กล่าว