โชว์รูมประชาชื่น : โอเปิล ‘คอร์ซ่า-อี’ รถยนต์ไฟฟ้าน้ำหนักเบา

ย้อนกลับไปในอดีตหลายปีมาแล้ว ลูกค้ารถยนต์ขนาดเล็กในบ้านเราคงคุ้นเคยกับรถยนต์ยี่ห้อ โอเปิล เคยเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอยู่พักใหญ่ เป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคนในเรื่องสมรรถนะ ช่วงล่างหนึบแน่นเกาะถนนดี แต่โดยรวมแล้วยังสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้ จึงไม่สามารถฝ่าด่านไปได้ ทำให้ในเวลาต่อมาโอเปิลก็กลายเป็นตำนานรถยนต์ในบ้านเรา

แต่ในต่างประเทศ โอเปิลยังคงทำตลาดอยู่ แม้จะไม่คึกคักเหมือนในอดีต จนกระทั่งในปี 2014 โอเปิลเคยประกาศว่าจะทำการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยจะใช้พื้นฐานจากรถแฮตช์แบ๊กยอดนิยมอย่าง โอเปิล คอร์ซ่า (Opel Corsa) พร้อมกับวางแผนจำหน่ายภายในปี 2019

แม้ว่าในช่วงปี 2017 ค่าย เจเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอ็ม ตัดสินใจปล่อยแบรนด์โอเปิลออกไป และโอเปิล/วอกซ์ฮอลล์มีความระส่ำระสายอยู่บ้างในส่วนของพนักงานโรงงาน แต่หลังจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่เจ้าของใหม่อย่าง พีเอสเอ กรุ๊ป หรือรู้จักกันดีในนามค่าย เปอโยต์ ซีตรอง ก็ผ่านไปด้วยดี ทำให้โครงการคอร์ซ่าไฟฟ้า เป็นไปอย่างเรียบร้อยตามกรอบเวลา

Advertisement

โอเปิล คอร์ซ่า-อี (Opel Corsa-e) หรือคอร์ซ่า เวอร์ชั่นไฟฟ้าล้วนแบบแบตเตอรี่นี้ นับเป็นคอร์ซ่ารุ่นใหม่แบบออล-นิวเจเนอเรชั่น 6

ตัวรถใช้พื้นฐานแพลตฟอร์มน้ำหนักเบารุ่นใหม่ ซีเอ็มพี (CMP-Common Modular Platform) ของพีเอสเอ ปัจจุบันใช้ในการผลิตเปอโยต์ 208 เจเนอเรชั่น 2 หรือ ดีเอส 3 ครอสส์แบ๊ก (DS3 Crossback)

Advertisement

โอเปิลระบุว่า แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้น้ำหนักตัวรวมของรถลดลงราว 108 กก. แม้ว่าจะติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเข้าไปก็ตาม ปกติรถในกลุ่ม BEV จำเป็นต้องมีน้ำหนักตัวมากขึ้นจากการแบกน้ำหนักแบตเตอรี่แพค หมายความว่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า คอร์ซ่า-อีจะมีความคล่องตัวมากกว่า และประหยัดการใช้เชื้อเพลิงกว่าในรุ่นเครื่องยนต์พื้นฐาน

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า คอร์ซ่า-อี จะมีขนาดตัวกว้างกว่า 18 มม. ยาวกว่า 40 มม. โดยจะมีความยาวรวม 4.06 เมตร ความสูงลดลง 48 มม. ก้านล้อออกแบบในลักษณะเทอร์ไบน์เพื่อลดความปั่นป่วนของอากาศบริเวณล้อ หลังคาสีดำในลักษณะ โฟลตติ้ง รูฟ (floating roof)

ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ เช่นเดียวกับรถยนต์กลุ่มพรีเมียมเน้นความสะดวกสบายและความทันสมัย เช่น ชุดไฟหน้า อินเทลลิลักซ์ แอลอีดี (Intellilux LED) ไฟแบบ แมททริก แอลอีดี

โอเปิลระบุว่า คอร์ซ่า-อี นับเป็นรถรุ่นแรกในกลุ่ม บี-เซ็กเมนต์ หรือคลาสซุปเปอร์มินิในยุโรป โดยใช้เทคโนโลยีในระดับนี้

ห้องโดยสารยกระดับการออกแบบใหม่ทั้งหมด แผงแดชบอร์ดทันสมัยขึ้นมาก การจัดวางอุปกรณ์เน้นความเรียบง่ายในการใช้งาน มาตรวัดหลังวงพวงมาลัยเป็นแบบฟูลดิจิทัล

จอทัชสกรีนส่วนกลางยกเลิกการใช้งานชุดซอฟต์แวร์ มายลิงก์ ของจีเอ็ม และเปลี่ยนมาใช้ชุดระบบอินโฟเทนเมนท์ของรถในเครือพีเอสเอรุ่นพื้นฐานมากับแพคเกจ มัลติมีเดีย เนวี่ (Multimedia Navi) ทำงานผ่านจอขนาด 7 นิ้ว มีออปชั่นเป็นแพคเกจ มัลติมีเดีย เนวี่ โปร เพิ่มขนาดจอเป็น 10 นิ้ว ทั้งคู่จะมาพร้อมบริการเรียลไทม์ผ่านระบบเทเลเมติกส์แบบใหม่ของโอเปิลที่ใช้ชื่อทางการค้าว่า โอเปิล คอนเน็กต์ (Opel Connect)

ชุดเกียร์อัตโนมัติ ชิฟท์ บาย ไวร์ (Shift by Wire) รวมถึงชุดคันเกียร์ เป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในแบรนด์ซีตรองและเปอโยต์ รวมทั้งซับแบรนด์หรูของซีตรองอย่างดีเอส

ชุดระบบขับเคลื่อนประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว เอาต์พุต 100 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 134 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 26.4 กก.-ม. แบตเตอรี่แพคชนิดลิเธียม-ไอออน ความจุหรือความสามารถในการจ่ายไฟภายใน 1 ชม. เท่ากับ 50 กิโลวัตต์-ชม. โหมดฟาสต์ชาร์จ 80% จากจำนวนเต็มภายใน 30 นาที

ผู้ขับสามารถเช็กสถานะการชาร์จได้ผ่านแอพพ์ มายโอเปิล บนสมาร์ทโฟน โหมดในการขับเลือกได้ระหว่าง นอร์มอล อีโค หรือสปอร์ต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.1 วินาที ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 330 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

ชุดระบบช่วยขับและอำนวยความสะดวกในกลุ่ม ADAS มีอาทิ กล้องความละเอียดสูงสำหรับช่วยควบคุมชุดไฟหน้า แอลอีดี 8 ดวง ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ในการปรับความเหมาะสมของระดับแสงตามสถานการณ์นั้นๆ

ระบบทราฟฟิก ไซน์ รีคอกนิชั่น (Traffic Sign Recognition) จดจำป้ายสัญญาณต่างๆ ระบบ อแดพทีฟ สปีด คอนโทรล (Adaptive Speed Control) ควบคุมความเร็วและระยะห่างอัตโนมัติด้วยเรดาร์, ระบบ ไบลนด์ สปอร์ต แอสซิสต์ (Blind Spot Assist) ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดบอด และระบบ พาร์คกิ้ง แอสซิสแทนท์ (Parking Assistant) ช่วยนำรถเข้าจอดทั้งแบบเทียบฟุตปาธและเข้าซอง

ส่วนรุ่นพื้นฐาน ในเบื้องต้น คอร์ซ่าจะมีรุ่นเครื่องยนต์ซินตระกูลเพียว เทค (PureTech) แบบ 3 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุดอยู่ในช่วง 70+ จนถึง 120+ แรงม้า ต่อด้วยรุ่นดีเซล แบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุดราว 100 แรงม้า ระบบส่งกำลังเลือกได้ระหว่างธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 8 จังหวะ เป็นเครื่องยนต์ชุดเดียวกับที่ใช้ในเปอโยต์ 208 รุ่นปัจจุบัน

โอเปิลยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่ายคอร์ซ่า-อี แต่เวอร์ชั่นที่จำหน่ายภายใต้ตราสัญลักษณ์วอกซ์ฮอลล์ คาดว่าราคาจำหน่ายในสหราชอาณาจักรประมาณ 23,000 ปอนด์ หรือประมาณ 9.4 แสนบาท ไม่รวมส่วนลดสร้างแรงจูงใจจากรัฐประมาณ 3,500 ปอนด์ หรือราว 1.5 แสนบาท มีแผนจะส่งเข้าโชว์รูมช่วงปลายปี 2019 นี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image