บทนำ 3 มิ.ย.62 : แก้ไขรัฐธรรมนูญ

การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลหลัง 24 มี.ค. นอกเหนือจากเรื่องการจัดสรรโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว อีกเรื่องที่หลายฝ่ายจับตามองคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมีบทบัญญัติหลายเรื่องปฏิบัติได้ยาก ผูกมัดและบังคับผู้ปฏิบัติมากเกินไป พรรคการเมืองที่ยื่นเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาล ว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่ได้แถลงหรือชี้แจงอย่างชัดเจนว่า จะดำเนินการอย่างไร และจะเริ่มแก้ไขจากจุดไหน

อีกพรรคที่หยิบยกเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นหัวข้อในการเข้าร่วมรัฐบาล ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา หรือ ชพน. โดยระหว่างที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ พูดคุยเพื่อเทียบเชิญพรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา พรรค ชพน. ได้ถามความคิดเห็นถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากหัวหน้าและแกนนำของพรรคพลังประชารัฐว่ามีแนวทางอย่างไร พร้อมกับระบุว่า ชทพ.เห็นว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพบว่ารัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ ขาดการยอมรับจากประชาชนในวงกว้างหลายประเด็นมีปัญหาในทางปฏิบัติ จำเป็นต้องแก้ไข ซึ่งแกนนำพรรคพลังประชารัฐ รับข้อเสนอดังกล่าวไปหารือภายในพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง

สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา เคยสร้างเกียรติประวัติไว้ เมื่อนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2538-2539 ได้เป็นตัวหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2534 แล้วยกร่างใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปการเมือง 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด และได้ริเริ่มหลายสิ่ง อาทิ องค์กรอิสระให้กับการเมืองไทย ก่อนจะถูกบิดเบือนด้วยรัฐธรรมนูญจากคณะรัฐประหารในฉบับต่อๆ มา

แน่นอนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้กระทำได้ยาก ดังที่ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 จะยากกว่าเมื่อปี 2538-2539 เป็น 3 เท่า เพราะฉบับค่ายกล 7 ดาว แก้ไม่ได้เลย หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากทุกฝ่าย จึงต้องประนีประนอม แล้วหาจุดที่จะแก้ได้ก่อน ซึ่งข้อสังเกตของนายนิกรเป็นเรื่องน่าสนใจ ทุกพรรคการเมืองควรถือเป็นภารกิจร่วมกัน รวมพลังผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อนำมาตรฐานอันสมควรมาสู่รัฐธรรมนูญให้เป็นกฎหมายแม่บทที่นำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยของทุกคนให้ได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image