พบศพ ‘อดีตผู้สมัคร ส.ส.เพชรบุรี’ นอนเสียชีวิตในรถยนต์
เมื่อเวลา 06.10 น. วันที่ 5 มิถุนายน พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ นพวัฒนนันท์ สารวัตรเวร สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ที่ริมถนนทางคู่ขนาน ถนนราชดำเนิน บริเวณทางเข้าเรือนจำ ค่ายทหารมณฑลทหารบกที่ 15 ถนนราชดำเนิน ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี จึงรุดตรวจสอบ พร้อมด้วย ทหารร้อย รส. มทบ.15 แพทย์เวรโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ และอาสาสมัครมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานจังหวัดเพชรบุรี
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ นิสสัน บิ๊กเอ็ม สีเขียว บรอนซ์ สภาพเก่า หมายเลขทะเบียน บธ 7148 เพชรบุรี จอดอยู่ บริเวณที่นั่งคนขับภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นชายใส่กางเกงขายาวสีดำไม่สวมเสื้อ ทราบชื่อต่อมาคือ นายโพธิแก้ว หอธรรมรัตน์ เป็นอดีตผู้สมัครสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) จังหวัดเพชรบุรี ปี 2562 เขต 3พรรคประชาไทย หมายเลข 26 อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 8 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แพทย์ชันสูตรเบื้องต้นไม่พบบาดแผล คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง
สอบถามนายประเสริฐ สิมมา ลูกจ้างที่มาด้วย เล่าว่าเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา นายโพธิแก้ว ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวจาก อ.แก่งกระจาน เดินทางมาขึ้นศาลที่ศาลจังหวัดเพชรบุรีคดีข้อพิพาทเรื่องที่ดินโดยมีตนมาเป็นเพื่อน หลังจากขึ้นศาลเสร็จนายโพธิแก้วได้เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดเพชรบุรี เพื่อยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายหลังจากการลงสมัคร ส.ส.เพชรบุรี เมื่อเสร็จภารกิจ ขณะนายโพธิแก้ว ขับรถเดินทางกลับบ้าน นายโพธิแก้วมีอาการมือสั่น ไม่มีแรง และคล้ายจะหมดสติ ขับรถชนประตูรั้ว กกต. และเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ตนเห็นนายโพธิแก้วไม่สบายมาก จึงบอกให้ไปหาหมอแต่นายโพธิแก้วไม่ยอมไป และแวะพักรับประทานอาหารเย็นในรถที่บริเวณ 4 แยก ศาลจังหวัดเพชรบุรี
ก่อนที่จะพยายามขับรถต่อกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขณะขับรถถึงสโมสรนายทหาร มทบ.15 ถ.ราชดำเนิน นายโพธิแก้วเริ่มขับรถต่อไปไม่ไหว และเลี้ยวรถเข้าทางคู่ขนานเพื่อขอจอดนอนพักในรถยนต์ โดยนายโพธิแก้ว นอนหน้ารถ ส่วนตนนอนท้ายกระบะ กระทั่งช่วงเช้าประมาณ 06.00 น.วันนี้ ตนตื่นไปปลุกนายโพธิแก้ว ก็พบว่าเสียชีวิตแล้วจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าว
เบื้องต้นแพทย์ สันนิษฐานน่าจะเสียชีวิตจากโรคประจำตัว เนื่องจากทราบว่านายโพธิแก้ว ไม่สบายมา 5 วันแล้ว และไม่ยอมไปหาหมอ และจะนำศพส่งผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
