‘ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค’ เดือน พ.ค. ดิ่งสุดรอบ 19 เดือน จากปัจจัยการเมือง-ศก.ไม่ฟื้น(ชมคลิป)

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2562 ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนพฤษภาคม 2562 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ส่งผลดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 59 เดือนนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 โดยปรับตัวลดลง อยู่ที่ 71.9 เมื่อเทียบกับที่ 75.6 ในเดือนเมษายน ขณะที่ ดัชนีเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคตปรับตัวลดลง อยู่ที่ 77.9 เมื่อเทียบกับที่ 81.7 ในเดือนเมษายน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อของประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

“ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ประชาชนมีความสุขน้อยลง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ขณะที่รายได้ในกระเป๋าก็ไม่เพิ่มขึ้น จากดัชนีต้นทุนการครองชีพปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 60 เดือน ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงชะลอตัวหรืออยู่ในช่วงขาลง และยังไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จึงคาดว่า ไตรมาส 2/2562 จะขยายตัวอยู่ในกรอบ 2.8-3.2% หรือไม่แตกต่างจากไตรมาสแรกมากนัก ซึ่งหากไตรมาส 2/2562 เศรษฐกิจไทย ขยายตัวที่ 3% ได้ จะทำให้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 2.9% และหากต้องการให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 3.5% ตามที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ ครึ่งปีหลังของปีนี้ เศรษฐกิจไทยต้องเติบโตที่ 4%

Advertisement

“จากสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน จึงประเมินว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายเศรษฐกิจชุดใหม่ก็คงจะเป็นชุดที่ใกล้เคียงเดิม ซึ่งนำทีมโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่ต้องจับตาว่า ใครจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงการคลัง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งคาดว่า จะเห็น ครม. ชุดใหม่ได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนและภาคเอกชน เริ่มมั่นใจว่า จะมีรัฐบาลทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนประเทศ แม้ว่าคะแนนเสียงของรัฐบาลจะเกินครึ่งหนึ่งไม่มาก แต่เชื่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งได้ไม่ยาก” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ในระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2562 รัฐบาลสามารถใช้งบประมาณกลางที่เหลือในการออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่จำเป็น ซึ่งประเมินว่า ทุก 10,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลนำมาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ที่ 0.04-0.06% ดังนั้น จึงเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลน่าจะออก โดยใช้วงเงิน 30,000-50,000 ล้านบาท เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ประมาณ 0.1-0.3% ทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง เติบโตที่ 4% และทั้งปีเติบโตที่ 3.5% ได้

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image