นายจิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารบริษัท BNK48 Office จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้มีโปรเจกต์ใหญ่ สุดท้าทายแห่งปี กับการสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจใหม่ ด้วยการเปิดตัวไอดอลเกิร์ล กรุ๊ปใหม่ ชื่อว่า “เชียงใหม่48” หรือ CGM48 เพื่อเดินหน้าขยายฐานผู้ชมต่างจังหวัดให้มากขึ้น และอนาคตมีแผนจะขยายโมเดลนี้ไปยังหัวเมืองต่างๆ อาทิ ภาคอีสาน ภาคใต้ รวมถึงจังหวัดอื่นๆให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค
นายจิรัฐ กล่าวว่า ได้เปิดรับสมัครไอดอล เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ “CGM48” ไปแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้สนใจร่วมสมัครแล้วมากกว่า 3,500 คน และจะปิดรับสมัครวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ได้ย้ายสมาชิกในวง BNK48 สองคนที่จะไปเป็นแม่ทัพอยู่ประจำการที่จังหวัดเชียงใหม่ได้แก่ “ ออม ปุณยวีร์ ” ที่จะเป็นกัปตันวง CGM48 และ “อิซึรินะ” โดยรับตำแหน่ง ชิไฮนิน หรือผู้จัดการวงที่จะดูแลภาพรวมของวงทั้งหมด รวมไปถึงเป็นสื่อกลางระหว่างแฟนๆ ถึงฝ่ายบริหารของวง โดยเตรียมที่จะเปิดตัว (เดบิวท์) วง CGM48 ในไตรมาสแรกของปี 2563
“ตั้งแต่เปิดตัว BNK48 มา ได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่อยู่บ่อยครั้ง เห็นฐานแฟนคลับที่แข็งแรงและมีอัตราการเติบโตในแนวโน้มที่ดี จึงเล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่นี้ที่จะสร้างคอนเทนท์ใหม่ๆได้ ส่วนที่ปั้น CGM48 เพราะบริษัทต้องการจะสร้างอัตลักษณ์ ความเป็นคาแรคเตอร์ท้องถิ่นที่มีเสน่ห์และมีกลิ่นอายเฉพาะตัวของสาวเชียงใหม่ ทั้งคำพูดที่อ่อนหวาน เสียงที่นุ่มนวล โดยเฉพาะคำพื้นเมือง เสน่ห์เฉพาะที่น่าจะเป็นจุดดึงดูดให้มีความโดดเด่นและแตกต่างจาก BNK48 เป็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน มีหลายมิติให้แฟนๆไม่เบื่อที่จะติดตามทั้งสองกลุ่ม และในอนาคตอาจจะมีอะไรใหม่ๆ มาให้ได้ตื่นเต้นกับสิ่งที่ผมคิดและทำ”
นายจิรัฐ กล่าว CGM48 มีทุกอย่างเหมือนที่กรุงเทพฯมีทั้งที่พักศิลปิน ศูนย์ฝึกและพัฒนาเธียเตอร์ (โรงละคร) ดิจิทัลไลฟ์สตูดิโอ คาเฟ่ ขายของที่ระลึกที่รองรับโชว์ของศิลปินที่นั่น ลงทุนในโมเดลเดียวกับกรุงเทพฯ โดยวางมูลค่าการลงทุนปีแรกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท “หากมองว่าการลงทุนครั้งนี้มีความเสี่ยง แต่ก็คือความเสี่ยงที่น่าลงทุน เพราะตอนเปิดตัว BNK48 ในปีแรก ต้องยอมรับว่าขาดทุน แต่วันนี้เราพาบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและอย่างยั่งยืน เรามีความตั้งใจที่จะผลักดันศิลปินดารานักแสดงไทยของเราให้ไปไกลในเวทีระดับโลก โดยเริ่มต้นจากเอเชีย ทั้งนี้เชื่อในศักยภาพของเด็กไทยกับพรสวรรค์ที่มีในตัวของแต่ละคน และสิ่งที่ต้องรองรับเด็กเหล่านี้คือ ระบบ เครือข่าย และคอนเทนท์ที่ดีในการผลักดันให้ก้าวไปไกลถึงเป้าหมาย เพื่อที่จะชูให้ “Thai Wave” ได้ก้าวไกล มีส่วนที่จะส่งเสริมและผลักดันให้สินค้าของคนไทยที่สนับสนุนเด็กเหล่านี้ ได้เติบโตและก้าวไปพร้อมๆกัน” นายจิรัฐกล่าวทิ้งท้าย