นับถอยหลัง4เดือน อียูห้ามใช้สาร Climbazoleในเครื่องสำอาง

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในทางปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 จะมีผลบังคับใช้ตามระเบียบใหม่ของคณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับกฎระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สาร 1-(4-Chlorophenoxy)-1-(imidazole-1-yl)-3,3-dimethylbutan-2-one หรือมีชื่อสากล (International Nomenclature of Cosmetic Ingredients : INCI) เรียกกันว่า Climbazole ที่ใช้เป็นวัตถุกันเสียในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แต่ยังสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากเป็นวัตถุกันเสีย เช่น ใช้เป็นสารขจัดรังแคในแชมพูที่ล้างออก เป็นต้น ที่ออกประกาศมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ส่งออกไทยเตรียมตัวรองรับการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวของอียู เพื่อไม่ให้กระทบต่อการส่งออก

นายอดุลย์ กล่าวว่า สาระสำคัญระเบียบดังกล่าว ได้แก่ 1. Annex III : เพิ่มรายชื่อสาร 1-(4-Chlorophenoxy)-1-(imidazol-1-yl)-3,3-dimethylbutan-2-one ในรูปแบบที่ไม่ใช่วัตถุกันเสียในผลิตภัณฑ์แชมพูที่ใช้แล้วล้างออกเมื่อใช้สารนี้เป็นสารขจัดรังแค กำหนดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการใช้ 2% 2. Annex V Entry 32 : เพิ่มขอบเขตในการใช้สาร 1-(4-Chlorophenoxy)-1-(imidazol-1-yl)-3,3-dimethylbutan-2-one ในรูปแบบที่เป็นวัตถุกันเสีย ครอบคลุม 2.1 ผลิตภัณฑ์บำรุงผม(Hair lotions) กำหนดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการใช้ 0.2% 2.2 ครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Face creams) กำหนดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการใช้ 0.2% 2.3 ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้า (Foot care products) กำหนดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการใช้ 0.2% และ2.4 ผลิตภัณฑ์แชมพูที่ใช้แล้วล้างออก (Rinse-off shampoo) กำหนดความเข้มข้นสูงสุดสำหรับการใช้ 0.5%

นายอดุลย์ กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติการส่งออกสินค้าเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวของไทยไปยัง EU ในภาพรวม 3 ปีย้อนหลังช่วง 2559 – 2561 พบว่ามีมูลค่าการส่งออก 5,156.8 4,688.4 และ 4,770.3 ล้านบาทตามลำดับ ส่วน4เดือนแรกปี 2562 มีมูลค่าการส่งออก 1,880.8 ล้านบาท ลดลง 32.99% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image