นัยยะใต้ ‘คนสวย’ ไม่ใช่เรื่องเล่น เบื้องลึก ‘คุกคามทางเพศ’

นัยยะใต้ ‘คนสวย’ ไม่ใช่เรื่องเล่น เบื้องลึก ‘คุกคามทางเพศ’

ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา นอกจากจะได้รับรู้นโยบายใหม่ ที่ส่งผลต่อชีวิตประชาชน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงคุณภาพชีวิตของคนไทยจากนี้

ในช่วงหนึ่งของการแถลงนโยบายวันแรก “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ลุกขึ้นอภิปรายถึงเรื่องการต่างประเทศ ตั้งคำถามถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องการได้รับความยอมรับในเวทีโลก และสิทธิมนุษยชน

พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นตอบ “คุณพรรณิการ์ คุณคนสวย” ก่อนที่ ชวน หลีกภัย ประธานสภา จะพูดขึ้นมาว่า “ท่านนายกฯ อย่าพูดเช่นนั้น”

นำมาสู่การลุกขึ้นประท้วงของ “พรรณิการ์” ที่ขอให้ นายกฯถอนคำพูด และนายกฯได้ถอนคำพูดในที่นั้น

Advertisement

คำพูดที่ดูผิวเผิน หลายคนอาจตั้งคำถามทำไมต้องซีเรียส แต่แท้จริงแล้วคำนี้มี “นัยยะ” และ “สะเทือน” ต่อ “สิทธิสตรี” นัยยะที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า “คนสวย” นับได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศ

ในเรื่องนี้ “ทิชา ณ นคร” หรือป้ามล นักสิทธิเด็กเยาวชนและสตรี ให้ความเห็นไว้ว่า มนุษย์จำนวนมากไม่รู้ว่าการพูดถึงเนื้อตัวร่างกายเพศตรงข้าม/เพศที่เลือก คือ หลักการและมารยาทที่ต้องระมัดระวัง ไม่ก้าวล่วงใดๆ เพราะมันอยู่ในนิยามการคุกคามทางเพศ

ช่อ พรรณิการ์ วานิช
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ขณะที่ ผศ.ดร.สุกฤตยา จักรปิง อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นไว้ว่า การที่ ส.ส.ผู้หญิงถูกเรียกว่า “คนสวย” นี้ เรียกได้ว่าเป็นการรังควาน ลดรูป และจำกัดไม่ให้คุณค่ากับความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ การเรียกว่าคนสวย แปลว่าคุณถูกโยงว่าหากเป็นผู้หญิงจะต้องมีลักษณะหรือคุณสมบัติเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะมีการศึกษา สอบผ่านเป็น ส.ส.มีศักยภาพ แต่สิ่งที่สังคมรับรู้ กลับถูกลดรูปผูกติดคำว่า “สวย” แม้จะเป็น ส.ส.ก็หนีไม่พ้น

Advertisement

2.แม้คำว่า “สวย” หลายคนมองว่าเป็นคำชมไม่ได้ด่า เป็นคำดี แต่ก็สะท้อนว่ามีแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ คือต้องสวย แต่คนที่เข้ามานั่งตรวจสอบรัฐบาล ไม่ได้ต้องมีแค่นี้ แต่ต้องมีศักยภาพ วิเคราะห์วิพากษ์นโยบายต่างๆ ต้องศึกษาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ทั้งเชิงสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ยิ่งคนสวยในบริบทของคนไทย ผูกติดกับเรื่องกายภาพ คนที่แตกต่างทั้งสีผิว ชาติพันธุ์ ถ้าไม่ตกอยู่ในรูปแบบนี้ ก็ถือว่าไม่สวย เป็นการกันคนอีกกลุ่มไม่ให้เข้ามา

“ในภาษาอังกฤษ เรียกสิ่งนี้ว่า paternalize ที่มาจากคำว่า ‘ความเป็นพ่อ’ คนที่มีอำนาจ ซึ่งก็คือโอ๋เหมือนเขาเป็นลูก เป็นเด็กเมื่อวานซืน ลดรูปคน ที่เป็น ส.ส.เหลือแค่เด็ก สวย เป็นไม้ประดับ ไม่มีศักยภาพ”

นอกจากนี้ ผศ.ดร.สุกฤตยามองอีกว่า คำว่าสวย ยังเป็นการแสดงการรังควานทางเพศ นี่คือที่มาที่คุณช่อตอบโต้ เพราะคือความรุนแรงที่มากระทบต่อเขา แม้ไม่ใช่กายภาพ แต่คำพูดทางวาจา ที่ทำให้เจ็บ หรือสูญเสียความมั่นใจ พูดแทะโลม เป็นความรุนแรงทางเพศทั้งนั้น เหมือนผู้ชายผิวปากใส่ ก็ทำให้กังวล ทำลายความมั่นใจ ซึ่งการพูดด้วยคำว่าที่ดูไพเราะ เป็นการชม น่ากลัวกว่าการด่าตรงๆ เพราะทำมาแบบเนียนๆ ที่ต้องมองลงไปถึงเห็นความลึกของความรุนแรงทางเพศ

ผศ.ดร.สุกฤตยายังยกตัวอย่างไว้ด้วยว่า “การพูดคุยเรื่อง เสื้อผ้า หน้าผม ก็เป็นส่วนหนึ่งของการคุกคามทางเพศ ที่ผู้หญิงและเพศทางเลือกต้องเผชิญ คือการถูกอำนาจบงการใต้เรือนกาย บางครั้งถูกกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในสภานำมาเป็นประเด็น สะท้อนองค์รวมของรัฐสภาไทย ยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่พอ นำเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมมาบั่นทอนความน่าเชื่อถือของคน ทั้งๆ ที่สภาควรเป็นที่ทำงานช่วยประชาชน วิธีการแบบนี้จะสะท้อนว่าไม่มีความเป็นผู้ใหญ่พอจะนำพาประเทศไปที่ๆ ควรเป็น”

ขณะที่ จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า นับเป็นความเคยชินของผู้ชายส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัวนายกฯ ที่จะพูดคำสร้อยอย่าง “สวยนะ” ไม่ได้มองผู้หญิงที่ศักยภาพ สิ่งนี้สะท้อนถึงการกดทับผู้หญิงลึกๆ เวลาที่พูดถึงความสวย ไม่ได้มองผู้หญิงที่มีสติปัญญา นอกจากนี้ยังมีคำพูดหลายอย่างเช่น หุ่นดีนะ ไปทำอะไรมา อ้วนขึ้นหรือเปล่า หน้าตาดีขึ้นนะ เป็นสิ่งที่รุกล้ำสรีระ ไม่ถูกนัก บางคนมองว่านี่เป็นการคุกคามทางเพศ เพราะเป็นการพูดเชิงหมาหยอกไก่ด้วย ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เมื่อใดที่ผู้หญิงลุกขึ้นมาแข่งขัน มักจะถูกใส่ความใส่ร้าย ในเรื่องไม่มีมูลจนถึงขั้นคุกคาม ทำลายกัน ซึ่งวิธีแบบนี้ ใช้ไม่ได้ในสังคมยุคใหม่แล้ว

“ประเด็นนี้นับเป็นเรื่องสากล ที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องสตรีทั่วโลก อย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมาพูดไม่ดีกับนักการเมือง ก็โดนวิจารณ์มาก บางประเทศบางกรณีถึงกับอยู่ในตำแหน่งไม่ได้ก็มี คำพูดแบบนี้ มีเยอะในสังคมแบบชายเป็นใหญ่ไม่ได้เฉพาะแค่นักการเมืองเท่านั้น”

แต่เรื่องนี้นั้น จะเด็จมองว่าเป็นโอกาสอันดี ที่จะทำให้ทุกคนหันกลับมามองตัวเองใหม่ โดยว่า นายกฯ จะต้องเรียนรู้ว่านี่คือรัฐสภา ต้องระมัดระวังเรื่องการพูดที่คุกคาม กดทับผู้หญิง ยิ่งในรัฐสภาชุดใหม่ ที่มีผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น การพูดที่ให้เกียรติผู้หญิงมีศักยภาพย่อมดีกว่า ยิ่งรัฐบาลชุดที่แล้ว ออกมาสนับสนุนผู้หญิง ยิ่งไม่ควรสวนทางนโยบาย ต้องเรียนรู้ว่า คุณมีโอกาสถูกตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ และระมัดระวังในการใช้คำพูดด้วย ไม่เพียงแค่นายกฯ ส.ส. แต่รวมถึงทุกๆ คน

เรื่องไม่เล็ก ที่มองข้ามไม่ได้

(แฟ้มภาพ)
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image