ผู้เขียน | ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร |
---|
ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ธุรกิจหลายเรื่องกำลังถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงภายใต้การหลั่งไหลเข้ามาของ “Disruptive Technology” นั้น วิธีที่ดีที่สุดของภาครัฐคือการเปิดช่องทางและโอกาส ให้แก่ผู้ประกอบการได้ทดลอง ทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวในสนามจริง หรือ ที่เรียกกันเล่นๆ ว่าการจัดทำ “Sandbox” ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศไทยก็ได้มีการเริ่มทดสอบไปบ้างแล้ว เช่น ภาคการเงิน หรือ ที่เรียกว่า “FinTech” โดยสาระสำคัญ คือ การเปิดให้มีการยกเว้นกฎระเบียบบางประการเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทดลอง ทดสอบเทคโนโลยีนั้นได้ สำหรับในสาขาพลังงานทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้ริเริ่มไปบ้างแล้วโดยได้มีการเปิดรับข้อเสนอไปแล้ว เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนโดยมีข้อเสนอยื่นมาแล้ว 182 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการขอให้มีการยกเว้นกฎระเบียบเพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าปลายทางสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองและขายกันเองได้ (Peer-to-Peer Trading) รวมทั้งบริการใหม่ๆ เช่น การให้บริการ Back-up Power และระบบการเก็บสำรองไฟฟ้า หรือ Energy Storage แต่ทาง กกพ.ยังมิได้ประกาศผลใดๆ
ผมเขียนวันนี้เพราะว่าได้อ่าน website ของทาง EMA ของสิงคโปร์ (หรือ Energy Market Authority ที่ได้ทดลองทำ Sandbox ด้านพลังงานไปก่อนไทยตั้งแต่เมื่อ 2560 หรือ 2017 แล้ว
โดยทาง EMA ได้เลือกการทดสอบ เรื่องระบบ Battery เพื่อให้เป็นการเสริมเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า และช่วยในการลดและย้ายช่วงความต้องการไฟฟ้าโดยสูงสุด หรือ พีคไฟฟ้าได้ดำเนินการทดลองกับกลุ่มบริษัท Singapore Power (SP) ที่ทาง EMA ได้กำหนดให้มีระยะเวลาทดลองประมาณ 3 ปี โดยทางกลุ่ม SP ได้เสนอโครงการ “Innovative Battery” ที่ใช้ในการสนับสนุนระบบผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น หรือระบบ District Cooling ในบริเวณ Marina Bay Sand
ทั้งนี้ ระบบ “Innovative Battery” ของ SP เป็นระบบผสมผสานระหว่างการกักเก็บพลังงานในรูปแบบน้ำเย็น หรือ “Chilled Water” กับการนำแบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออน (Lithium I-on Battery) มาร่วมผสมผสานในระบบ โดยระบบนี้ได้ถูกออกแบบให้ผลิตน้ำเย็น/น้ำแข็งในช่วง Off-peak ที่ราคาค่าไฟฟ้ามีราคาต่ำ นำน้ำเย็นไปเก็บในถังตู้เย็นขนาดใหญ่ และน้ำเย็นเหล่านี้ก็จะนำมาใช้ในการทำความเย็นในระบบปรับอากาศ โดยไฟฟ้าที่ผลิตในบริเวณ Marina Bay Sand นี้เป็นการผลิตจากพลังงานทดแทน ทั้งแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล (ที่ได้เชื้อเพลิงจากการตกแต่งสวนและต้นไม้ริมทาง) ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการไม่มีเสถียรภาพ (อย่าลืมนะครับว่าสิงคโปร์ฝนตกบ่อยมาก แดดน้อยและชีวมวลของเขาไม่มียุ้งฉางขนาดใหญ่เก็บไว้) ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าราคาแพงกว่า จากระบบกลางเข้ามาเติมอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นที่มาให้กลุ่ม SP นำแบตเตอรี่ลิเธียมมาใช้รองรับความไม่มีเสถียรภาพนี้โดยมีขนาด 2.4 MW/2.4 MW-h รวมทั้งระบบ Battery อีกแบบที่เรียกว่าระบบ Vanadium Redox Flox Battery ขนาดเล็ก 0.25 MW/2 MW-h มาลองใช้ด้วย
ส่วนผลการทดลองทดสอบ Sand box ของทางสิงคโปร์จะเป็นอย่างไรคงจะต้องติดตามนะครับ ใครไปเที่ยวสิงคโปร์ แล้วแวะเที่ยวที่บริเวณ Marina Bay Sand อย่าลืมแวะไปดูระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนของเขานะครับ ผมเคยผ่านไปดูมาแล้วเล็กๆ แต่สะอาดสะอ้าน ครับ… และหวังว่า Sand Box ของไทยคงจะคลอดออกมาเร็วๆ นี้ นะครับ
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร
ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน