นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในช่วงนี้เริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน (เทรดวอร์) ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติได้ แต่ประเทศยังมีข้อดีคือ เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งในหลายมิติ ทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า เนื่องจากยังมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้า โดยเชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตประมาณ 2.5-3% ซึ่งถือว่าเป็นระดับการเติบโตที่เหมาะสมกับภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นายคณิศ กล่าวว่า สำหรับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งล่าสุดนั้น ตนเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการกนง.ด้วย ซึ่งการที่กนง.ลดดอกเบี้ยลงครั้งล่าสุด เป็นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสถานการณ์ผลกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกรุนแรงมากกว่าที่คิด ซึ่งก็เริ่มเห็นภาพของการที่หลายประเทศออกมาทยอยลดดอกเบี้ยลงตามกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยสามารถรับมือกับความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยภายนอกได้อยู่
นายคณิศ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการอีอีซี ได้พิจารณาอนุมัติรายละเอียดของร่างแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และร่างแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค โดยวางแผนรองรับการพัฒนาพื้นที่ในอนาคตระยะ 20 ปี (2560-2580) ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เบื้องต้นคาดว่าจะนำเสนอร่างแผนผังดังกล่าวให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในเร็วๆนี้ โดยเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
“ถึงแม้ว่าอาจจะได้รับความคิดเห็นในร่างแผนผังดังกล่าวว่า มีความล่าช้าในการนำเสนอให้กับครม. เพื่อพิจารณาในการบังคับใช่ แต่ส่วนตัวมองว่าคงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้เป็นส่วนส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่างชาติ ที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยด้วย เนื่องจากหลักเกณฑ์ต่างๆ มีความชัดเจนมากเพียงพอแล้ว รอแค่การอนุมัติเพื่อดำเนินการต่อไปเท่านั้น”นายคณิศกล่าว
