ไพบูลย์ นิติตะวัน แจ้งแก่ “กกต.” ว่า พรรคประชาชนปฏิรูป ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคกันแล้วมีมติเลิกกิจการ ขอให้ กกต.ยุบพรรคเพื่อที่จะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
พรรคประชาชนปฏิรูป เป็นพรรคจิ๋วที่มีคะแนนเสียงรวมต่ำกว่า 71,000 คะแนน แต่ด้วยอภินิหารแห่งการคำนวณ จึงได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมา 1 คน
และ 1 คนนั้นก็คือ ไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรค
วันนี้ หัวหน้าพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 เดียว อยากจะย้ายไปอยู่ “พปชร.” ยังจะมีกรรมการบริหารพรรคคนไหนยืนหยัดรักษาสถานะพรรคเอาไว้หรือ
ก่อนที่ “กกต.” จะมีมติ “เห็นชอบ” ให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พปชร.เปิดใจเผยว่า “ยินดีต้อนรับ เพราะคุยกันมาตั้งนานแล้ว”
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ถ้าการขอเลิกกิจการของพรรคการเมืองทำกันง่ายๆ ถึงเพียงนี้จะกลายเป็น “ตัวแบบ” ให้พรรคฝ่ายรัฐบาลดูดเอาพรรคเล็กพรรคจิ๋ว ดูดเอาตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมกับคะแนนจำนวนหนึ่งไปรวมกับคะแนนที่มีอยู่เดิม แล้วให้คำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่หรือไม่
ยุทธวิธีนี้ชวนให้นึกถึง “การควบรวมพรรคการเมือง” เมื่อครั้งอดีตหรือไม่
วิษณุ เครืองาม ให้คำตอบว่า ไม่
“ไม่เรียกว่า ควบรวม ซึ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 99 แต่เป็นการยุบพรรคทิ้งให้หายไปเฉยๆ ไม่ใช่พรรคหนึ่งไปรวมกับอีกพรรคหนึ่ง”
มุมมอง “วิษณุ” ตรงกันข้ามกับ เทพไท เสนพงศ์ แห่งประชาธิปัตย์ ที่เห็นว่า พรรคประชาชนปฏิรูปเพิ่งจัดตั้งใหม่ ทำงานในสภาได้ไม่กี่เดือน คณะกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคก็ขอเลิกกิจการ ยุติบทบาท
“ในทางพฤตินัย คือการยุบพรรคเพื่อให้ ส.ส.ไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 99 เพราะเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ คือไม่ต้องการให้เกิดการควบรวมเหมือนการดำเนินธุรกิจ
อันเป็นที่มาของการบัญญัติไว้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 50 ห้ามควบรวมพรรคการเมือง”
ภายใต้คำอวดอ้างว่า “บ้านเมืองต้องมีกติกา ประชาชนต้องเคารพกฎหมายนั้นความโกลาหลอลหม่านทั้งหลายมักจะมาจาก “กูรูทางกฎหมาย” ที่ผูกขาดความถูกต้อง
“วิษณุ” ดิ้นด้วยตัวอักษร
“เทพไท” มุ่งชี้วัดจากเจตนารมณ์
หรือว่าเวลาเปลี่ยน หลักการย่อมเปลี่ยนไป
กรณี “ไพบูลย์” เป็นกรณีศึกษาถึงความคดเคี้ยวเลี้ยวลดแห่ง “ตัวอักษร” หรือ “ตัวคน” !?!!
