เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 สิงหาคม ที่สถานีตำรวจภูธรหนองจิก จ.ปัตตานี พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประชุมด่วนติดตามความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายจี้รถตู้ประจำทางในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานีก่อนจะนำรถตู้ไปทำก่อเหตุปล้นร้านทอง ห้างทองสุธาดา กลางตลาด อ.นาทวี จ.สงขลา
คนร้ายได้ทองไปจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พล.ต.ปิยะพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี และหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนทั้ง จ.ปัตตานี และ จ.สงขลา ร่วมกัน วันนี้ได้รายงานผลความคืบหน้าของคดี โดยเฉพาะแนวทางการสืบสวนสอบสวนขยายผลจากพยานหลักฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขยายผลจนรู้ตัวคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุแล้ว 2 คน คือ นายแวอูเซ็ง ดือราเฮ็ง และ นายไซฟูดดิน หะยีปูเต๊ะ ซึ่งทั้งสองคนมีหมายจับคดีความมั่นคงหลายหมาย
ล่าสุด พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้มาเพื่อเร่งรัดแนวทางการสืบสวนสอบสวนนำมาสู่การออกหมายจับ ควบคุมคนร้ายเพิ่ม ซึ่งล่าสุดผลจากการประชุมที่ผ่านมา ทุกอย่างใกล้จะคลี่คลาย ขณะนี้รู้เบาะแสและขั้นตอนวิธีการก่อเหตุของคนร้ายแทบทั้งหมดแล้ว ซึ่งจากการกวดขันของฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเรื่องของตามโทรศัพท์ซิมการ์ดที่ให้มีการลงทะเบียนผู้ใช้ซึ่งทำให้แนวทางสืบสวนสอบสวนเราก็ได้ไล่ตรวจสอบเจ้าของหมายเลขจากการลงทะเบียนพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของชาวบ้านในพื้นที่ อ.สายบุรี ขณะที่เกิดเหตุได้นั่งกินน้ำชาในกลุ่มชาวบ้าน คนร้าย 3 คนเข้ามาทำการยึดโทรศัพท์ของชาวบ้านไป จำนวน 3 เครื่อง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 สค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นวันที่ 20 สค. คนร้ายได้ใช้เบอร์โทรศัพท์จากเครื่องที่ยึดจากชาวบ้าน นัดรถตู้โดยสารให้มารับยังจุดนัดพบเพื่อทำการก่อเหตุตามแผนที่เตรียมไว้แล้ว
นอกจากนี้ในส่วนของพยานหลักฐานและอื่น ๆ ทั้งลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอ ตรวจสอบพบเป็นจำนวนมาก จากการพิสูจน์หลักฐานก็ได้ตัดออกไปเรื่อย ๆ เพราะลายนิ้วมือเป็นของผู้โดยสาร แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถชี้ชัดตรวจเทียบเคียงพบดีเอ็นเอตรงกับ นายรอซาลี หลำโสะ ซึ่งมีหมายจับคดีความมั่นคงจำนวนมาก แต่ยังอย่างไรก็ตามยังคงไม่สามารถออกหมายจับในตอนนี้ได้ เนื่องจากทราบว่า นายรอซาลี มีพี่น้องฝาแฝดร่วมกัน คือ นายซอบรี หลำโสะ โดยจะต้องให้ชุดสืบสวนสอบสวนนำดีเอ็นเอของคนในบ้านไปทำการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมว่าบุคคลใดที่ก่อเหตุหรือจะร่วมกันก่อเหตุทั้งสองคนเพราะมีดีเอ็นเอคล้ายกัน
ผบช.ภาค 9 กล่าวถึงการติดตามทองรูปพรรณที่ถูกปล้นว่า บางกระแสลือว่าตรวจพบทองส่วนหนึ่ง คนร้ายทยอยออกมาขายนั้น ยังอยู่ขบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนทองที่คนร้ายได้ทำการปล้นไปตรวจสอบล่าสุดมีความชัดเจนแล้วเป็นทองหนัก 2,100 บาท มูลค่า กว่า 49 ล้านบาท
และเป็นที่ชัดเจนว่า การร่วมก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบอย่างแน่นอน แต่จะเอาเงินไปทำอะไรนั้นต้องให้ชุดการข่าวตรวจสอบหรือ อาจจะสนับสนุนกลุ่มขบวนการหรือเป็นการก่อเหตุในลักษณะอาชญากรรม ส่วนคนร้ายสองรายที่ได้แถลงไปก่อนหน้านั้น วันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับวันนี้
