กกร.ห่วงบาทแข็งโป๊กกระทบส่งออก-ไม่จูงใจลงทุนไทย

กกร.ห่วงบาทแข็งโป๊กกระทบแข่งขันส่งออก-ไม่จูงใจทุนนอกลงทุนไทย ฉุดเศรษฐกิจครึ่งหลังแผ่ว เล็งปรับตัวเลขใหม่

เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่โรงแรมเรเนซองส์ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร. เป็นห่วงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ไทยปีนี้อาจจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 2.9-3.3% เพราะยังขาดปัจจัยหนุน และมีแรงกดดันจากจากเศรษฐกิจโลกชะลอผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ความเสี่ยงเบร็กซิท และมีความกังวลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอีกหากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในระยะต่อไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของการส่งออก ที่ขณะนี้คาดอยู่ในช่วงติดลบ 1% ถึงขยายตัว 1% รวมทั้งจะกระทบต่อการท่องเที่ยว และการดึงดูงลงทุนของไทย จึงอยากให้ทางการออกมาตรการเพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทโดยเร็ว ส่วนการใช้จ่ายภายในประเทศก็ถูกกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่ง กกร. จะติดตามและทบทวนประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้

“แรงส่งเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแรงต่อเนื่อง การส่งออกที่ไม่รวมทองคำยังติดลบ ส่งผลต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม ขณะที่การลงทุนทรงตัว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนแผ่วลงจากช่วงครึ่งปีแรก และแม้การท่องเที่ยวจะขยายตัวแต่ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน จึงยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิม ช้อป ใช้ รวมถึงมาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตรสำคัญๆ อาจมีแรงบวกที่จะสามารถชดเชยผลกระทบเพียงใด ทั้งนี้ภาครัฐเตรียมจะออกมาตรการเพื่อดึงดูดการย้ายฐานการลงทุนจากผลกระทบเรื่องสงครามการค้าก็อาจต้องใช้เวลา และคงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานและแรงจูงใจที่มากพอสำหรับนักลงทุน รวมถึงประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าภูมิภาคด้วย” นายปรีดี กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image