บลจ. ยูโอบี ชู 2 กองทุนแอลทีเอฟ ‘CG-LTF’ และ ‘UOBLTF’ เหมาะลงทุนช่วงตลาดหุ้นผันผวน สร้างความมั่นคงในระยะยาว

นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือบลจ. ยูโอบี เปิดเผยว่า บลจ. ยูโอบี ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงมีพื้นฐานที่ดีจากความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 2.158 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงแก่ภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาว จึงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในภาคการลงทุนและตลาดหุ้นไทยที่จะสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

“สำหรับสภาวะของตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวน ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากปัจจัยลบต่างๆ ได้แก่ ปัจจัยสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชะลอตัว ส่งผลให้ดัชนีปรับลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวไทยที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาวจากกองทุน LTF ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน LTF อยู่ในพอร์ตเพื่อสิทธิในการประหยัดภาษี อีกทั้งโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากการลงทุน ทั้งนี้ บลจ.ยูโอบี แนะนำ 2 กองทุน ได้แก่ CG-LTF และ UOBLTF”

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ทั้งสองกองทุนถือเป็นกองทุนที่จัดตั้งมานานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2547 มีประวัติผลการดำเนินงานโดดเด่นเมื่อเทียบกับภาพรวมกองทุน LTF ในตลาด ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี โอกาสเติบโต และการลงทุนในหุ้นที่มีธรรมภิบาลเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และมีความเสี่ยงระดับกลางค่อนข้างสูง (ระดับ 6) รวมถึงเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ นอกจากนี้ยังได้ความร่วมมือจากเครือข่าย UOB Group ในต่างประเทศ และพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชีย เพื่อประเมินภาพรวมและวิเคราะห์วางแผนจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นจังหวะดีที่จะเข้าลงทุนในช่วงตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงจากปัจจัยลบที่อยู่เหนือการควบคุม เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

สำหรับกองทุน ‘CG-LTF’ หรือ ‘กองทุนเปิดบรรษัทภิบาลหุ้นระยะยาว’ เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่นและโอกาสเติบโตสูง ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มีผลการดำเนินงานให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี (ณ 31 กรกฎาคม 2562) ที่ 15.19% ต่อปี สูงกว่า SET TRI ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.60% ต่อปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่เข้าลงทุน ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกลุ่มขนส่ง โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม อยู่ที่ 12,667 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 12,334 ล้านบาท

Advertisement

ส่วนกองทุน ‘UOBLTF’ หรือ ‘กองทุนเปิด ยูโอบี หุ้นระยะยาว’ ที่มีจุดเด่นของกองทุนคือจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีฐานะการลงทุนสุทธิในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองรวม เงินทุนส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารทางการเงิน และ/หรือตราสารแห่งหนี้ต่างๆ โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งนี้อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงตามที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 10 ปี (ณ 31 กรกฎาคม 2562) อยู่ที่ 13.98% ต่อปี โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่เข้าลงทุน ได้แก่ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มธนาคาร กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มขนส่ง และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 5,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.35% จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 4,824 ล้านบาท

นางสาวรัชดา กล่าวว่า ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถใช้บริการออนไลน์ของบลจ. ยูโอบี เพื่อลงทุนในกองทุนทั้งสองได้ผ่านบริการ Premier Online หรือ mobile application “UOBAM Invest” ชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนผ่านระบบ QR payment หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.uobam.co.th ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image