นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (เคแบงก์) เปิดเผยว่า ในปี 2562 ได้คาดการณ์เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทย จะเติบโตได้ประมาณ 5-7% ซึ่งมองว่ามีโอกาสสูงที่สินเชื่อจะเติบโตได้ในกรอบล่างที่ 5% เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี ธนาคารได้ปล่อยกู้อย่างระมัดระวังมากขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังไม่ได้สดใสขึ้นเหมือนที่ประเมินเอาไว้ โดยธนาคารได้ดำเนินการในการบริหารหนี้เองมากขึ้น ซึ่งมีมูลหนี้ที่บริหารจัดการเองได้ประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านบาท ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการติดตามหนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตามหนี้คืนมาได้มากขึ้น เนื่องจากหลักประกันยังมีมูลค่าสูงกว่าวงเงินกู้ ทำให้มีโอกาสในการเจรจากับลูกหนี้และได้เงินคืนมากขึ้น เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากสูญเสียทรัพย์สินที่ใช้ประกันหนี้ไป ในส่วนของผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมมองว่าน่าจะมีบ้าง แต่คงไม่กระทบเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ ส่วนวิธีการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่ประสบปัญหาจากน้ำท่วมนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น
“ที่ผ่านมาการเติบโตของสินเชื่อเงินกู้จะโตได้ไม่เกิน 1.5 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ทำให้คาดว่าการปล่อยสินเชื่อของธนาคารน่าจะโตได้ตามเป้าหมายประมาณ 5% โดยคาดว่าสินเชื่อที่น่าจะโตได้ดีในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ มาจากกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (เอสเอ็มอี) รายใหญ่ที่กู้สินเชื่อมาเพื่อใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจ แต่ไม่ได้กู้มาเพื่อการลงทุนเป็นหลัก เพราะผู้ประกอบการยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขยายกำลังการผลิตในขณะนี้ สำหรับด้านสินเชื่อรายย่อยหรือสินเชื่อบุคคล ธนาคารไม่ได้เร่งอยู่แล้ว เนื่องจากต้องการให้เป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจะเห็นได้จากการที่สินเชื่อบ้านยังโตได้ดีกว่าสินเชื่อประเภทอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิตที่ยังไม่ได้เติบโตมากนัก”นางสาวขัตติยากล่าว
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารนั้น เชื่อว่าจะยังสามารถดูแลระดับสินเชื่อเอ็นพีแอลให้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.4% ของสินเชื่อรวมได้ เพราะธนาคารไม่ได้เร่งรัดที่จะปล่อยกู้ โดยธนาคารมีแนวทางในการบริหารจัดการสินเชื่อเอ็นพีแอลเอง จากเดิมที่มักจะขายออกไป ซึ่งในปีนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยจะเน้นในกลุ่มที่มีหลักประกันเกินกว่ามูลหนี้ เนื่องจากมักให้ความร่วมมือในการเจรจาบริหารจัดการหนี้ค่อนข้างดี โดยในขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลการบริหารโดยรวมได้ เพราะอาจจะเร็วเกินไป เนื่องจากเพิ่งเริ่มดำเนินการเป็นปีแรกได้ โดยสินเชื่อเอ็นพีแอลที่ธนาคารนำมาบริหารจัดการมีประมาณ 15,000 ล้านบาท
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้ ธนาคารมีแผนที่จะเพิ่มรายได้ในหลายธุรกิจมากขึ้น รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในการลงทุน ซึ่งหากมองในภาพรวมของรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารในปีนี้ คาดว่าจะยังคงติดลบอยู่ อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแนวโน้มที่จะเพิ่มบริการผ่านตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) มากขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารมีพันธมิตรในการให้บริการผ่านตัวแทนกับ 6 ราย คือ ไปรษณีย์ไทย, ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ,มินิมาร์ท ,อเมซอน , บางจาก และบิ๊กซี ซึ่งในอนาคตจะขยายเพิ่มกับพันธมิตรอีกหลายราย รวมถึงมองโอกาสในการเปิดสาขาขยายสู่ประเทศในภูมิภาคเพิ่มเติม แต่ในปีนี้การขยายสาขาออกสู่ต่างประเทศอาจจะไม่ทัน ซึ่งน่าจะได้เห็นในปี 2563 แทน
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว