นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมกรมสรรพสามิตว่า กระทรวงการคลังเตรียมผลักดันการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและการบริหารจัดการแบตเตอรี เพื่อรองรับการขยายตัวของรถยนตไฟฟ้า ป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมเนื่องจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมีการกำจัดที่ถูกวิธีดังนั้นจำเป็นจะต้องตั้งกองทุนขึ้นมาดูแล
“ขณะนี้ไทยให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าและเริ่มมีการนำเข้าโดยแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้ามีอายุใช้งาน 5-10ปี ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในอนาคต ต้องออกกฏหมายมารองรับโดยจะออกเป็นพระราชบัญญัติ”นายอุตตมกล่าว
นายอุตตมกล่าวว่ากองทุนนี้นอกจากการบริหารจัดการตัวแบตเตอรีที่หมออายุ โดยการเก็บรวบรวมมาทำลายหรือแยกชิ้นส่วนแล้ว ยังเป็นกองทุนที่จะส่งเสริมนวัตกรรม โดยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเงินของกองทุนนี้เบื้องต้นเก็บจากรถยนตไฟฟ้าทั้งที่นำเข้าและผลิตภายในประเทศ ส่วนอัตราจัดเก็บนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงอุตสาหกรรมสำนักงานส่งเสริมการลงทุนหรือบรโอไอและสภาอตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นต้น
นายอุตตมกล่าวว่านอกจากนี้กรมสรรพสามิตได้เสนอเปิดพิกัดสำหรับเครื่องดื่มเขายังกล่าวถึงการ กำหนดพิกัดภาษีสรรพสามิตใหม่ ในกลุ่มฟังก์ชันนอลดริงค์เพื่อสนับสนุนเครื่องดื่มที่เติมนวัตกรรมใหม่ใหม่เช่นเติมวิตามินเติมคอลลาเจนโดยก่อนหน้านี้เครื่องดื่มประเภทดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มของน้ำอัดลมมีพิกัดภาษี14% บวกกับความหวานโดยอัตราภาษีใหม่จะถูกกว่าที่เคยเก็บอยู่
นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนในเรื่องภาษีพลังงานนั้นกรมสรรพสามิตกำลังพิจารณาในเรื่องของภาษีดีเซลที่ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มีมติที่จะกำหนดไบโอดีเซลของไทยให้เป็นบี10 เป็นมาตรฐานที่ใช้ทั่วไปดังนั้นภาษีของกรมก็จะต้องส่งเสริมแนวนโยบายดังกล่าว