ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการ บลจ.โซลาริส ต่อดีเอสไอ

เวลา 21.30 น. วันที่ 12 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการในคณะกรรมการลงทุนของกองทุน (ไอซี) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนโซลาริส จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บลจ.อินโนเทค จำกัด) คือ นายสุพรรณ เศษธะพานิช ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในกรณีการกระทำความผิดหน้าที่ โดยมีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากการอนุมัติให้กองทุนรวมของ บลจ.โซลาริส จำกัด ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วบีอี (B/E) โดยตนเองหรือบุคคลอื่นได้รับประโยชน์

สืบเนื่องจากกรณีที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารของ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (เคซี) และพวก กรณีร่วมกันทุจริตจากการให้ เคซี ออกตั๋วบีอี ขายกองทุนรวมของ บลจ.โซลาริส จำกัด และยักยอกเงินจากการขายตั๋วดังกล่าวไปเป็นจำนวน 430 ล้านบาท และในที่สุดตั๋วบีอีของเคซี ได้ผิดนัดชำระหนี้จำนวน 350 ล้านบาท (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 2/2561 ลงวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561)

โดยก.ล.ต. ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า การลงทุนในตั๋วบีอีดังกล่าวได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการไอซี ของ บลจ.โซลาริส จำกัด ซึ่งมีนายสุพรรณเป็นประธาน และมีพยานหลักฐานเชื่อว่า  นายสุพรรณ ได้รับประโยชน์เกี่ยวเนื่องจากการขายตั๋วบีอีดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเสียหายต่อ บลจ.โซลาริส จำกัด ทำให้ผู้ลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดทุน และเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายสุพรรณต่อดีเอสไอ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

การกล่าวโทษมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษ เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจ ในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว รวมทั้งบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี

Advertisement

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้ตรวจสอบคณะกรรมการไอซี ของ บลจ.โซลาริส จำกัด ที่อนุมัติให้กองทุนรวมลงทุนในตราสารหนี้ ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และพบข้อบกพร่องในการพิจารณาข้อมูล หรือปัจจัยสำคัญของผู้ออกตราสาร ที่กระทบต่อความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับบริษัทไปแล้ว* และเป็นผลให้คณะกรรมการไอซี เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน**

ก.ล.ต. จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายสุพรรณ กรรมการผู้จัดการและประธานไอซี เป็นเวลา ปี เดือน และนางสาววราภรณ์ สุพฤกษาสกุล นายอิศรา เรืองสุขอุดม นายศุภณัจ เจนพินิจ และนางสาวจุฑามาศ พุทธมี กรรมการไอซี รายละ 1 ปี 3 เดือน อีกทั้ง นายสุพรรณยังมีความผิดตามมาตรา 283 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง ก.ล.ต. มีหนังสือแจ้งให้นายสุพรรณ เข้ารับการเปรียบเทียบความผิด แต่นายสุพรรณไม่ยินยอม ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษนายสุพรรณไปพร้อมกันแล้ว

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

Advertisement

* คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับบริษัทเป็นเงิน 1.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561

** มีผลตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2562 ยกเว้นกรณีนายอิศรา มีผลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2562 ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวบุคคลข้างต้นจะไม่สามารถปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทหลักทรัพย์ งานเกี่ยวกับการจัดการลงทุน และการปฏิบัติงานอื่นที่อยู่ในขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image