“กรุงศรี” หั่นเป้าจีดีพีปี’62 โต 2.9% คาดส่งออกถูกฉุดทั้งปีลบ 2.8% (ชมคลิป)

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ปีนี้เป็นโตที่ 2.9% จากเดิม 3.2% ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากมีปัจจัยที่น่ากังวล ในส่วนของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน (เทรดวอร์) โดยความเสี่ยงที่จะทำให้จีดีพีเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัจจัยเสี่ยงภายนอก อาทิ หากเศรษฐกิจจีนชะลอการเติบโตมากกว่าที่คาดไว้ การใช้นโยบายทางการเงินได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร ความเสี่ยงจะมีเพิ่มขึ้น

นายสมประวิณ กล่าวว่า เศรษฐกิจแย่เพราะการส่งออกไม่ดี เนื่องจากแรงขับเคลื่อนสำคัญเป็นการส่งออก ที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของจีดีพี ซึ่งคาดว่าการส่งออกของไทยปีนี้ จะติดลบ 2.8% โดยครึ่งปีแรกส่งออกโตลดลงกว่า 2.9% ทำให้จำนวนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก กว่า 87% ของอุตสาหกรรมทั้งหมด โตลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติ แต่บริษัทของไทยเองก็ได้รับผลกระทบมากเช่นเดียวกัน เพราะมีขนาดเล็ก จึงมีสายป่านที่สั้นกว่า ทำให้ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน โดยจะส่งผลกระทบหนัก ในส่วนของการจ้างงานภาคอุตสาหกรรม 80% ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีค่าจ้างต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ที่มีความเปราะบางมากๆ

“เศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ย้ำว่าเป็นเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ เพราะทุกคนรู้ตัวและร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็มีการลดดอกเบี้ยแล้ว 1 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดอีก 1 ครั้งในปีนี้ แต่คาดว่าจะยังไม่ได้ลดในการประชุมที่จะถึงนี้ รวมถึงมีมาตรการกระทรวงการคลังทะยอยคลอดออกมา ทำให้เชื่อว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในครั้งนี้ จะไม่แย่เท่ากับครั้งที่ผ่านมา แต่จะเป็นการชะลอลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีการเคลื่อนไหวผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา”นายสมประวิณกล่าว

นายสมประวิณ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดเหตุโจมตีแหล่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย มองว่าไม่น่าจะมีผลรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทย เพราะซัพพลายมีมาก แต่ความต้องการใช้มีลดลง จึงคาดว่าผลกระทบจะไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งที่ผ่านมา โดยซาอุดีอาระเบียคาดว่าจะกลับมาผลิตน้ำมันได้ภายใน 1 สัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นแรงแค่ในระยะสั้นๆ พร้อมให้กรอบราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 66.50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าไม่ได้แตกต่างจากที่ผ่านมามากนัก จึงมองว่าไม่ได้มีความน่ากังวล เท่ากับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในขณะนี้ นอกจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะโตที่ 3.5% เพราะมีงบประมาณปี 2563 เข้ามา ซึ่งเชื่อว่าจะมีการอัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกสูงมากขึ้น

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image