‘จุรินทร์’ นำทัพ! บุกมณฑลกวางซีเปิดตลาดใหม่ขายมันสำปะหลัง ทำข้อตกลง 1.8 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง นครหนานหนิง ประเทศจีน พิธีเปิดงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีนครั้งที่ 16 ที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติหนานหนิง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า
ได้มาเข้าร่วมและเป็นตัวแทนประเทศไทยนำพาคณะมาร่วมพิธีเปิดไชน่าอาเซียนเอ็กโปร์ ครั้งที่ 16 โดย 1.ในปีหน้าจะมีการยกระดับ FTA ระหว่างอาเซียนและจีนอีกครั้งเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน

2.ในโอกาสที่ได้เข้าพบรองนายกรัฐของจีนได้คุยถึงเรื่องการทำ MOU ระหว่างสินค้าเกษตรไทยกับจีน ซึ่งเคยมีการทำไว้เรื่องข้าว 2,000,000 ตัน ในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนซื้อข้าวไปทั้งสิ้น 700,000 ตัน เหลืออีกประมาณ 1,300,000 ตัน โดยทางเราต้องการให้บรรลุผลในทางปฏิบัติ โดยจีนได้มีการทำ MOU ที่จะซื้อยางพาราจากประเทศไทย 200,000 ตัน ที่ผ่านมาได้มีการซื้อไป 16,800 ตันซึ่งยังไม่ครบตาม MOU ได้นำเรียนรองนายกฯของจีนเพื่อให้ส่งออกข้าวและอย่างมายังจีนได้มากขึ้น

3.ความสัมพันธ์ทางการค้ากับมณฑลกวางซีซึ่งเป็นมณฑลที่ติดอยู่กับอาเซียนมากที่สุดมณฑลหนึ่งของประเทศจีน สำหรับประเทศไทยต้องการส่งพืชผลทางการเกษตรมานั้น โดยผมได้นำทีมงานกระทรวงพาณิชย์และเอกชนมาเข้าร่วมงานและเจรจากับผู้นำเข้าของจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม 2-3 ราย

สำหรับมันสำปะหลังโดยปกติประเทศจีนจะนำเข้าจากไทยปีละประมาณ 7,000,000 ตัน มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ในปีที่แล้วเกิดปัญหานำเข้าเพียง 3,000,000 ตัน ในปีนี้ตั้งเป้าที่จะฟื้นตัวเลขเดิมให้กลับมาใหม่โดยตั้งใจที่จะมาขายมันสำปะหลังโดยเฉพาะมันเส้น 2,600,000 ตัน และแป้งมัน 80,000 ตัน มูลค่ารรวม 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จภายในหนึ่งปีนับจากนี้เป็นต้นไป ซึ่งมีบริษัทลงนาม MOU 4 บริษัทใหญ่ที่จะนำเข้าทั้งมันเส้นและแป้งมัน โดยกวางซีถือเป็นตลาดใหม่ของไทยจึงสามารถบุกเบิกและนำส่งมายังพื้นที่นี้ได้อีกมากในอนาคต

Advertisement

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำต่อไปในเดือนพฤศจิกายนนี้ คือ กระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ใช้มันสำปะหลังและพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ เช่น ยางพารา และผลไม้จากทั่วโลก มาพบกับผู้ส่งออก และผู้ผลิตของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่า ส่วนเรื่องผลไม้ซึ่งประเทศจีนนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ครองตลาดร้อยละ 23 ลำดับตามมาคือประเทศชิลี ร้อยละ 20 และเวียดนามร้อยละ 10 และได้มีการทำ MOU ระหว่างผู้ส่งออกของไทยกับผู้นำเข้าของจีนได้ประมาณ 100 ล้านบาทในงานนี้ โดยผลไม้ที่มีศักยภาพในตลาดของจีนประกอบด้วย ทุเรียน มังคุด และลำไย เป็นต้น มีผลไม้ดาวรุ่งตัวใหม่ คือ มะพร้าวน้ำหอม

นอกจากนั้น ในการเจรจาระหว่างตนกับผู้อำนวยการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของกวางซี ได้หารือกันในเรื่องที่ประเทศไทยจะมาจัดเทศกาลผลไม้ที่นี่โดยเฉพาะในเมืองหนานหนิง ที่เป็นเมืองหลวงของมณฑลนี้คือเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จะช่วยเพิ่มการส่งออกผลไม้มายังเมืองกวางซีได้มาก และในเดือนพฤศจิกายน 2562 จะมีการจัดพบกันระหว่างผู้ส่งออกผลไม้ไทยกับผู้นำเข้าผลไม้ทั่วโลกอีกครั้งที่กรุงเทพมหานคร

ครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์กับการยางแห่งประเทศไทยได้มาร่วมกันส่งเสริมการส่งออกยางพารากับประเทศจีนเพิ่มเติมด้วย โดยมีการเจรจากับบริษัทผู้นำเข้ายางรายใหญ่ของจีนคือ ชิโน เคม กับบริษัทฉงชิ่ง ฉางอาน เหมิงเชิง ซึ่งจะมีการพบปะเจรจากันต่อไปถึงการซื้อขายจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังได้แนะนำลงทุนทำโรงงานผลิตยางในประเทศไทยที่ภาคใต้จังหวัดสงขลาที่มีนิคมอุตสาหกรรมยางโดยเฉพาะ โดยทาง BOI ได้จัดทำ one top service สำหรับผู้สนใจไปลงทุนทำอย่างที่ประเทศไทย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image